ประวัติวัดแม่พระลูกประคำ (กาลหว่าร์)
เมื่อทหารพม่าบุกเข้าทำลายกรุงศรีอยุธยาในปี
1767 คริสตังโปรตุเกสต่างก็พากันหลบหนีไปหาที่หลบซ่อนในที่ต่างๆ พวกหนึ่ง ไปอยู่วัดซางตาครู้สกับคุณพ่อกอรร์พระสงฆ์ชาวฝรั่งเศส
แต่มีพวกหนึ่งไม่ยอมรับมิชชันนารีฝรั่งเศส พวกเขายอมรับแต่พวกพระสงฆ์ชาวโปรตุเกส
จึงแยกไปอยู่ในที่ดินว่างเปล่าซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดกาลหว่าร์ในปัจจุบัน ที่ที่พวกเขาอยู่นี้มีชื่อว่า
ค่ายแม่พระลูกประคำ ตามชื่อรูปแม่พระลูกประคำที่พวกเขานำมาจากอยุธยา คริสตังที่อาศัยอยู่ในค่ายนี้ยังไม่มีวัด
ทั้งยังไม่มีพระสงฆ์ชาวโปรตุเกสมาปกครอง พวกเขา จึงไปร่วมพิธีทางศาสนาที่วัดซางตาครู้ส
ปี 1786 พระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานที่ดินที่พวกเขาอาศัยอยู่นั้น สำหรับสร้างวัด
และในปี 1787 วัดก็สร้างเสร็จ เป็นวัดแบบเรียบง่าย สร้างด้วยไม้ ยกพื้นสูง เพราะที่ดินแปลงนี้เคยถูกน้ำท่วม
มีห้องประชุมใหญ่สำหรับสัตบุรุษ และห้องซาคริสเตีย ด้านข้างมีบ้านพักพระสงฆ์ขนาดย่อมสำหรับเจ้าอาวาสที่จะมาพัก
เพราะคริสตังเหล่านี้หวังว่า สักวันหนึ่งเขาจะมีพระสงฆ์ชาวโปรตุเกสมาปกครอง วัดนี้ชื่อมีว่าวัดกาลหว่าร์
ตามชื่อรูปพระตายหรือกาลหว่าร์ ซึ่งพวกเขานำมาจากอยุธยา คริสตังชาวโปรตุเกสเหล่านี้ขอให้พระอัครสังฆราชแห่งเมืองกัว
ส่งพระสงฆ์โปรตุเกสมาปกครองพวกตน แต่ทางเมืองกัวไม่ยอมส่งโดยมีเหตุผลว่า พวกเขามีผู้ปกครองอยู่แล้ว
คือพระสังฆราชชาวฝรั่งเศส ซึ่งพระสันตะปาปาทรงแต่งตั้ง ดังนั้น คริสตังโปรตุเกสจึงค่อยๆ
กลับใจยอมรับอำนาจการปกครองของมิชชันนารีฝรั่งเศสในที่สุด เพราะจนถึงเวลานั้นที่วัดกาลหว่าร์ยังไม่มีพระสงฆ์องค์ใดมาทำมิสซาโปรดศีลได้
ปี 1820 พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานที่ดินเพื่อตั้งสถานกงสุลโปรตุเกส ต่อมาภายหลังสถานกงสุลนี้ได้รับฐานะเป็นสถานทูต
ท่านกงสุลขอให้พระเจ้าอยู่หัวประกาศว่าที่ดินค่ายแม่พระลูกประคำ เป็นที่ดินพระราชทานแก่ประเทศโปรตุเกส
พระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 2) จึงทรงมีพระบรมราชโองการตอบว่าที่ดินผืนนี้ มิได้พระราชทานให้รัฐบาลโปรตุเกส
แต่ให้คริสตังโปรตุเกสสร้างวัดได้ และดังนั้นที่ดินนี้จึงเป็นกรรมสิทธิ์ของมิสซังโรมันคาทอลิก
ไม่ว่าใคร ชาติใด ที่เป็นประมุขของมิสซัง พระสังฆราชฟลอรังส์จึงเข้าปกครองวัดกาลหว่าร์และทำมิสซาอย่างสง่าเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่
25 สิงหาคม1822เพื่อเป็นการเทิดเกียรติแด่พระนางมารีอา
ชาวโปรตุเกสที่อาศัยอยู่บนที่ดินผืนนี้ค่อยๆอพยพโยกย้ายไปทำมาหากินในที่ต่างๆ
จึงมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ และมีชาวจีนเข้ามาอยู่อาศัยแทน นานๆครั้งจึงจะมีส่งพระสงฆ์ไทยมาทำมิสซา
และโปรดศีลให้
ปี 1837 คุณพ่ออัลบรังด์มาอยู่ที่วัดกาลหว่าร์ เพราะสะดวกสำหรับการติดต่อแพร่ธรรมในหมู่ชาวจีน
ท่านได้สร้างห้องโถงใหญ่ ด้วยไม้ไผ่ มุงแฝกสำหรับ ใช้เป็นสถานที่แพร่ธรรมให้แก่คริสตังใหม่และคริสตังชาวจีน
เนื่องจากวัดเก่าที่ชาวโปรตุเกสสร้างเมื่อปี 1887 นั้นผุพังไปเกือบหมดแล้วพระสังฆราชกูรเวอซีจึงสั่ง
ให้รื้อและสร้างใหม่ เป็นวัดครึ่งอิฐครึ่งไม้ ทำพิธีเสกในวันที่ 1 ตุลาคม 1839
โดยพระคุณเจ้าปัลเลอกัว ซึ่งเป็นพระสังฆราชผู้ช่วย และตั้งชื่อวัดว่า วัดแม่พระลูกประคำ
แต่ชาวจีนยังคงเรียกว่า วัดกาลหว่าร์ มาจนถึงปัจจุบันนี้
ในสมัยคุณพ่อดือปองด์เป็นเจ้าอาวาส(1846-1864) ในปี1858เพื่อเป็นการลบล้างการทุรจารวัดกาลหว่าร์ซึ่งเกิดจากการมาจุดประทัดในวัดพระเจ้าอยู่หัว
ได้พระราชทานที่ดินอีกแปลงหนึ่งให้ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 1864 ได้เกิดเพลิงไหม้ที่วัดกาลหว่าร์
ทำลายบ้านพักพระสงฆ์ และหลักฐานทุกอย่างของวัดกาลหว่าร์รวมทั้งหลักฐานและบัญชีศีลศักดิ์สิทธ์ของวัดทุกวัดที่เปิดตั้งแต่สมัยคุณพ่ออัลบรังด์
ในปี 1890 คุณพ่อแดซาลส์ เจ้าอาวาส ได้รื้อวัดกาลหว่าร์ซึ่งมีอายุ 50 กว่าปีแล้ว
และ ทำการสร้างใหม่ ซึ่งก็คือหลังปัจจุบัน เสกศิลาฤกษ์วันที่ 4 ตุลาคม 1891 โดยพระสังฆราชเวย์
และเสกวัดใหม่ในปี 1897 ในสมัยคุณพ่อเปอตีต์เป็นเจ้าอาวาส วัดหลังนี้ได้มีโอกาสใช้เป็นสถานที่สำหรับทำพิธีอภิเษกคุณพ่อแปร์รอสเป็นพระสังฆราช
เมื่อวันที่ 30 มกราคม 1910 พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงแต่งตั้งผู้แทน มาร่วมพิธีด้วย
ในสมัยคุณพ่อกิยูเป็นเจ้าอาวาสได้จัดฉลองครบรอบ 25 ปีในวันที่ 1 ตุลาคม 1922
จัดฉลองครบรอบ 50 ปีในวันที่ 5 ตุลาคม 1947 ในสมัยคุณพ่อ โอลลิเอร์เป็นเจ้าอาวาส
ในสมัยคุณพ่ออาแมสตอยเป็นเจ้าอาวาสได้ทำการบูรณะซ่อมแซมวัด ทาสีทั้งภายนอกและภายในวัดให้ดูสวยงามและสง่าขึ้น
และได้จัดฉลองครบรอบ 60 ปีของวัดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 1957 คุณพ่อฮั่วเซี้ยง
กิจบุญชู (อนาคตพระอัครสังฆราชแห่งกรุงเทพฯ และพระคาร์ดินัล) ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส
องค์ที่ 13 ในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 1965 ถึงเดือนสิงหาคม 1965 นับเป็นเจ้าอาวาสซึ่งเป็นพระสงฆ์คนไทยองค์แรกของวัดกาลหว่าร์
และนับจากนั้นเป็นต้นมา เจ้าอาวาสทุกองค์ของวัดกาลหว่าร์ก็ได้ถูกมอบหมายให้ดับพระสงฆ์ไทย
นับเป็นความภาคภูมิใจประการหนึ่งของวัดนี้
เหตุการณ์ที่น่าสนอีกประการหนึ่งเกิดขึ้นในสมัยที่
คุณพ่อประวิทย์ พงษ์วิรัชไชย (1983-1989 ) ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส คุณพ่อได้บูรณะซ่อมแซมและปรับปรุงสภาพของตัววัดซึ่งกำลังทรุดโทรมมาก
ให้มีความสวยงามขึ้น โดยพยายามรักษารูปแบบตลอดจนลวดลายของเดิมไว้ให้มากที่สุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่
16 เมษายน 1987 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานรางวัลประกาศนียบัตรอาคารอนุรักษ์ดีเด่นให้แก่คุณพ่อประวิทย์
พงษ์วิรัชไชย ซึ่งเข้ารับพระราชทานรางวัลในฐานะเจ้าอาวาส นับว่าเป็นความภูมิใจไม่เฉพาะของวัดและสัตบุรุษวัดกาลหว่าร์เท่านั้นแต่ยังเป็นความภูมิใจของพระศาสนจักรในประเทศไทย
ที่มีส่วนในการอนุรักษ์ศิลปะที่มีคุณค่าต่อประเทศเทศชาติด้วย
คุณพ่ออนันต์ เอี่ยมมโน(1989 1994) ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส วัดกาลหว่าร์ก็กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้แก่สัตบุรุษใหม่
ซึ่ง โครงการนี้พระคาร์ดินัลมีชัย กิจบุญชู ได้ให้บริษัทสันติพิทักษ์เข้ามาช่วยเหลือในการดำเนินงานด้วย
คุณพ่อวุฒิเลิศ แห่ล้อม (1995-1999) เป็นเจ้าอาวาส และทำการบูรณะซ่อมแซมอีกครั้งหนึ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระจกสีที่ถือว่ามีความสวยงามที่สุด แห่งหนึ่ง กระจกสีที่ถือว่ามีความสวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง
และในวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ 1997 มีการจัดฉลองครบรอบ 100 ปี ของวัดหลังปัจจุบันด้วย
คุณพ่อศุภกิจ เลิศจิตรเลขา (พฤษภาคม 1999 2004 ) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
คุณพ่อสุรสิทธิ์ ชุ่มศรีพันธุ์ ( 10 พฤษภาคม 2004 - ปัจจุบัน )ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
ผู้ช่วยเจ้าอาวาส
คุณพ่อมาร์แซล เปแรย์
คุณพ่อธนากร เลาหบุตร
ตารางเวลาพิธีกรรม
พิธีกรรม |
วัน/เดือน |
เวลา |
ภาษา |
หมายเหตุ |
มิสซาเช้า (วันธรรมดา) |
จันทร์ - เสาร์ |
06.00 น. |
ไทย |
|
มิสซาเย็น (วันธรรมดา) |
จันทร์- เสาร์ |
19.30 น. |
ไทย |
|
พิธีนพวาร (วันธรรมดา) |
เสาร์ |
19.30 น. |
ไทย |
19.00 น. ชั่วโมงศักดิ์สิทธิ์
อวยพรศีลมหาสนิท |
มิสซาศุกร์ต้นเดือน |
|
19.30 น. |
ไทย |
|
พิธีแห่แม่พระ |
|
06.15 น. |
|
ฉลองวัดตุลาคม |
มิสซาที่ 1 (วันอาทิตย์) |
|
|
จีน |
|
มิสซาที่ 2 (วันอาทิตย์) |
|
08.00 น. |
ไทย |
|
มิสซาที่ 3 (วันอาทิตย์) |
|
10.00 น. |
จีน |
|
มิสซาที่ 4 (วันอาทิตย์) |
|
19.30 น. |
ไทย |
|
มิสซาที่ 5 (วันอาทิตย์) |
|
|
|
|
มิสซาที่ 6 (วันอาทิตย์) |
|
|
|
|
การเดินรูป 14 ภาคในเทศกาล
มหาพรต |
ศุกร์-อาทิตย์ |
ศ. 18.45 น., อ.19.00 น. |
จีน/ไทย
ศุกร์-จีน, |
อาทิตย์-ไทย |
วันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ |
|
19.30 น. |
ไทย |
|
วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ |
|
8.00 14.00 น.
เฝ้าศีล
14.00 น. เดินรูป 14 ภาค
18.45 น. เดินรูป 14 ภาค/จีน
19.30 น. พิธีแห่พระรูปพระศพ
พระเยซูเจ้า |
ไทย |
|
วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ |
|
19.30 น. |
ไทย |
|
มิสซาวันคริสตมาส (กลางคืน) |
24 ธันวาคม |
22.00 น., 24.00 น. |
จีน/ไทย |
|
มิสซาวันคริสตมาส (ตอนเช้า) |
25 ธันวาคม |
8.00 น., 17.50 น. |
ไทย |
|
มิสซาส่งท้ายปีเก่า |
31 ธันวาคม |
22.00 น. |
ไทย |
|
มิสซาตอนรับปีใหม่ |
1 มกราคม |
10.00 น. |
ไทย |
|
ฉลองวัด |
อาทิตย์แรก
ของเดือน
ตุลาคม |
08.00/10.00 น. |
จีน/ไทย |
08.00 น. จีน
10.00 น. ไทย |
เสกสุสาน |
|
|
|
|
การเดินทาง |
ทางบก |
สาย |
หมายเหตุ |
รถโดยสารประจำทาง (สาย) |
1,75,35,36,93 |
|
รถโดยสารปรับอากาศ (สาย) |
ปอ.พ.3,ปอ.พ.6, ปอ.พ.16 |
|
ทางน้ำ |
สาย |
หมายเหตุ |
เรือ (สาย) |
ข้ามปากคลองสาน สี่พระยา,เรือด่วน |
|
แผนที่วัด