วัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา
พระสังฆราชลังแบรต์ เดอลาม็อต หนึ่งในเจ็ดประมุขมิสซัง ที่พระสันตะปาปาทรงแต่งตั้งให้มาเผยแพร่ศาสนาในประเทศต่างๆ
ทางตะวันออกไกล ได้เดินทางมากรุงศรีอยุธยาในปี 1662 โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะไปแพร่ธรรมในประเทศจีน
แต่เนื่องจากเรือถูกพายุ อัปปาง และในเวลานั้นเกิดการเบียดเบียนศาสนาอย่างรุนแรงในประเทศจีน
ท่านจึงได้พักอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาในค่ายของชาวญวณก่อน
ปี 1665 พระสังฆราชลังแบรต์ทูลขอพระบรมราชานุญาตจากพระเจ้าแผ่นดิน สร้างโรงเรียนขึ้นแห่งหนึ่ง
สมเด็จพระนารายณ์ ทรงพระราชทานที่ดินแปลงหนึ่งและวัสดุต่างสำหรับสร้างวัด ท่านลังแบรต์ได้สร้างโรงเรียนและสามเณราลัยเป็นอิฐ
สร้างวัดชั่วคราว และบ้านพักพระสงฆ์เป็นไม้ในปี 1666 สิ่งก่อสร้างทั้งหมดนี้เรียกว่าค่ายนักบุญยอแซฟ
ในปี 1669 ได้สร้างโรงพยาบาลหลังเล็กๆโดยมีคุณพ่อลาโนเป็นแพทย์ ประจำ โรงพยาบาล
วันที่ 4 กรกฎาคม 1669 ทางกรุงโรมได้แต่งตั้งให้เป็นเทียบสังฆมณฑลสยาม และขอให้ท่านลังแบรต์กับท่านปัลลือแต่งตั้งประมุขมิสซังองค์หนึ่งสำหรับปกครอง
ดังนั้นในปี 1673 คุณพ่อลาโนจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระสังฆราชประมุขมิสซังสยาม
ตั้งแต่ปี 1679 วัดอยุธยาได้เป็นศูนย์กลางของมิสซังต่างๆ ทั่วตะวันออกไกล ต่อมาท่านลาโนได้ก่อสร้างวัดอยุธยาใหม่เป็นอิฐอย่างถาวร
ทำการเสกในวันที่ 25 มีนาคม 1685 และให้อยู่ในความอุปถัมภ์ของนักบุญยอแซฟ
หลังจากสมเด็จพระนารายณ์สวรรคตในปี 1688 ก็เกิดการเบียดเบียนศาสนาขึ้น และนับตั้งแต่นั้นมาพระศาสนจักรในประเทศสยามก็ต้องพบกับมรสุมมากมายหลายประการ
แต่งานเผยแพร่พระวรสารก็ยังคงดำเนินต่อไปถึงแม้จะไม่ค่อยได้ผลดีนัก จนกระทั่งทหารพม่าบุกเข้าทำลายกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองในปี
1767 วัดนักบุญยอแซฟ บ้านพักพระสงฆ์ สามเณราลัยทั้งเล็กและใหญ่ โรงเรียนครูสอนคำสอนโรงพยาบาล
หมู่บ้านคริสตัง ถูกเผาทำลายจนหมดสิ้น บรรดาคริสตังที่ มิได้ถูกฆ่าหรือนำไปเป็นเชลยต่างก็พากันหลบหนีกระจัดกระจายไปอาศัยอยู่ตามที่ต่างๆ
คุณพ่อกอร์สามารถหนีจากเงื้อมมือของพม่าได้และพาสามเณรจำนวนหนึ่งหนีถึงจันทบุรี
โดยมีคริสตังจำนวนหนึ่งติดตามไปด้วย พระสังฆราช และมิชชันนารี พร้อมด้วยนักบวชโปรตุเกส
กับคริสตังที่อยู่ในความปกครองของท่านถูกจับเป็นเชลย และถูกนำตัวไถึงประเทศพม่า
คริสตังไทยเชื้อสายโปรตุเกสที่หนีรอดจากการถูกจับได้หนีลงมาอยู่ที่บางกอก คริสตังญวนก็กระจัดกระจายไปตามหมู่บ้านบริเวณ
กรุงศรีอยุธยา เพราะหมู่บ้านคริสตังถูกเผาหมด และมีบางคนเข้ายึดเอาที่ดินของพวกคริสตังเหล่านี้มาเป็นกรรมสิทธิ์
ปี 1830 คุณพ่อปัลเลอกัวได้ไปดูสถานการณ์ที่อยุธยา ซึ่งไม่มีพระสงฆ์องค์ใดไปอยู่เลยนับตั้งแต่เมืองถูกพม่าเผาทำลาย
ท่านได้ซื้อที่ดินบริเวณรอบๆวัดเก่า กลับคืนมา และรวบรวมบรรดาคริสตังญวณที่กระจัดกระจายอยู่ให้กลับมาอยู่ที่เดิมเป็นหมู่บ้านคริสตัง
ปี 1835คุณพ่อปัลเลอกัวได้มอบหมายให้คุณพ่ออัลแบร์ตสร้างวัดขึ้นใหม่เป็นอิฐ บนส่วนหนึ่งของที่ตั้งวัดนักบุญยอแซฟหลังเดิม
และบนอุโมงค์ที่บรรจุศพของประมุขมิสซังสยาม 8 องค์แรก ในเวลานั้นมีคริสตังประมาณ
200 คน คุณพ่ออัลแบร์ตปกครอง คริสตังเหล่านี้จนถึงปี 1851 คุณพ่อลาร์โนดี เป็นเจ้าอาวาสในปี
1851 ท่านได้สร้างโรงงานทำน้ำตาลขึ้นหลังหนึ่งเพื่อช่วย ยกระดับการครองชีพให้แก่สัตบุรุษ
บัญชีวัดของวัดอยุธยาได้เริ่มเปิดในปี 1951 ในสมัยของคุณพ่อลาร์โนดีนี้เอง แต่มิใช่ต้นฉบับ
เชื่อว่าบัญชีแรกๆของวัดอยุธยาในสมัยของคุณพ่อปัลเลอกัวและคุณพ่ออัลแบร์ต คงอ่านไม่ออก
เพราะใช้กระดาษและน้ำหมึกไม่ดี
ปี 1872 คุณพ่อแปร์โรซ์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส เมื่อท่านไปเห็นซากของวัดเดิมและวัดเล็กๆของคุณพ่อปัลเลอกัวตั้งอยู่อย่างน่าสมเพช
ท่านรู้สึกสะเทือนใจ จึงตัดสินใจที่จะสร้างวัดใหม่บนซากวัดเก่าซึ่งมิชชันนารีรุ่นแรกๆได้สร้างไว้
และจัดการซื้อที่ดินอีกหลายแปลงซึ่งเคยเป็นของมิสซังกลับคืนมา คุณพ่อ ได้เริ่มสร้างวัดชั่วคราวเป็นไม้ขึ้นก่อน
เพื่อจะได้รื้อวัดของคุณพ่อัลเลอกัว และสร้างวัดใหม่ตรงฐานเดิมของวัดหลังแรก
คุณพ่อแร์โรซ์วาดแผนผังของวัดใหม่ ด้วยตนเอง โดยมีสถาปนิกผู้หนึ่งตรวจรับรอง
และเป็นนายช่างควบคุมการก่อสร้างเองด้วย งานก่อสร้างดำเนินไปอย่างช้า ๆ เพราะขาดเงิน
ขณะที่ทำการขุดพื้นที่เพื่อ สร้างรากฐานของวัด ได้ขุดพบโครงกระดูกของมิชชันนารี
13 ท่านที่ถูกฝังไว้ที่นี่กว่า 1 ศตวรรษแล้ว โครงกระดูกบางโครงยังอยู่ในสภาพดี
พระสังฆราชหลุยส์ เวย์ ได้เดินทางมาทำพิธีเสกศิลาฤกษ์วัดใหม่พร้อมกับพระสงฆ์มิชชันนารีอีก
16 ท่าน ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 1883 ในขณะที่วัดหลังใหม่ยังสร้างไม่เสร็จ ในปี
1888 วัดชั่วคราวก็ได้ถูกไฟไหม้ ในวันที่ 19 มีนาคม 1891 ได้มีพิธีเสกวัดนักบุญยอแซฟหลังใหม่
และพระแท่น โดยพระสังฆราชหลุยส์ เวย์ นอกจากนี้ในปี 1884 คุณพ่อแร์โรซ์ยังได้เปิดโรงเรียนของวัดนักบุญยอแซฟขึ้น
เพื่อให้การศึกษาแก่บุตรหลานคริสตัง โดยใช้อักษรโรมันมาผสมอ่านเป็นคำไทย หรือที่เรียกว่าภาษา
วัด
ในสมัยคุณพ่อมาร์แซล (1933-1942) ได้มีการซ่อมแซมตัววัดซึ่งหน้ากลัวว่ากำลังจะพังแบะออกไปให้กลับมั่นคงแข็งแรงขึ้น
ในปี 1934 ได้ขอเปลี่ยน บานะของโรงเรียนเป็นโรงเรียนประถมศึกษา ใช้ชื่อว่า โรงเรียนประชาชน
เพราะประชาชนมีส่วนช่วยในการศึกษา ต่อมาในปี 1941 คุณพ่อได้เปลี่ยนชื่อโรงเรียน
เป็นโรงเรียน"ราษฎร์สงเคราะห์" เนื่องจากเห็นว่าชื่อโรงเรียนประชาชนไม่เหมาะสม
คุณพ่อเฮนรี่สุนทร วิเศษรัตน์ (1948)มาเป็นเจ้าอาวาส ท่านสังเกตเห็นว่ากำแพงวัดด้านยาวทั้งสองด้านกำลังจะพัง
จึงรายงานให้พระสังฆราชโชแรง ทราบพระคุณเจ้าได้ส่งวิศวกรจากกรุงเทพฯมาทำการซ่อมในปี
1966 คุณพ่อได้สร้างอาคารเรียนหลังใหม่ 2 ชั้น ครึ่งตึกครึ่งไม้ เปิดทำการสอนตั้งแต่ชั้น
ป.1-ม.ศ.3 ในปี 1969 พระอัครสังฆราชยวง นิตโย ได้มอบเงินให้คุณพ่อเฮนรี่จัดการเปลี่ยนหลังคาวัดนักบุญยอแซฟจากหลังคาปูนเป็น
หลังคากระเบื้อง เพื่อเตรียมฉลอง 300 ปีของการก่อตั้งกลุ่มคริสตชนที่อยุธยา ในเดือนเมษายน
1969
คุณพ่อบัญชา ศรีประมงค์ (1972-1977) เป็นเจ้าอาวาส คุณพ่อได้ทำลูกกรงเหล็กป้องกันกระจกไม่ให้เสียหายมากขึ้น
และได้สร้างถ้ำแม่พระขนาดใหญ่ขึ้นที่บริเวณด้านหน้าวัดโดยได้รับเงินบริจาคจากร้าน
ปืนอำนาจ
คุณพ่อวิศิษฏ์ หริพงศ์ (1977-1979) เป็นเจ้าอาวาส ได้ตกแต่งทาสีภายในวัดอย่างสวยงาม
และเอารื้อเสาที่ดูเกะกะภายในวัดออกด้วย
คุณพ่อประสาร คูรัตนสุวรรณ (1979-1981) เป็นเจ้าอาวาส ได้เทซีเมนต์พื้นวัดที่ทรุด
และปูหินอ่อนให้เรียบ พร้อมกับปรับปรุงบริเวณพระแท่นให้สวยงามมากขึ้น
คุณพ่อสุรชัย กิจสวัสดิ์ (1981-1985)ไเป็นเจ้าอาวาส ด้ขัดพื้นหินอ่อนภายในวัดให้เรียบ
และทาม้านั่งในวัดด้วยน้ำมัน เพื่อความคงทนและสวยงาม
คุณพ่อธีรวัฒน์ เสนางค์นารถ (1985-1989) ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส
คุณพ่อไพริน เกิดสมุทร (1989-1994)ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส
คุณพ่อธนันชัย กิจสมัคร(1994-1998) เป็นเจ้าอาวาส
คุณพ่อสมพร เส็งเจริญ(1999-2004 ) เป็นเจ้าอาวาส
คุณพ่ออนุศักดิ์ กิจบำรุง ( 10 พฤษภาคม 2004 - ปัจจุบัน )
ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
ตารางเวลาพิธีกรรม
|
พิธีกรรม |
วัน/เดือน |
เวลา |
ภาษา |
หมายเหตุ |
มิสซาเช้า
(วันธรรมดา) |
|
|
|
|
มิสซาเย็น
(วันธรรมดา) |
จันทร์-เสาร์ |
19.00 น. |
ไทย |
|
พิธีนพวาร (วันธรรมดา) |
เสาร์ |
19.00 น. |
ไทย |
|
มิสซาศุกร์ต้นเดือน |
ศุกร์ |
08.30,19.00 น. |
ไทย |
|
พิธีแห่แม่พระ |
เสาร์ต้นเดือน |
19.00 น. |
ไทย |
|
มิสซาที่ 1 (วันอาทิตย์) |
|
09.00 น. |
ไทย |
|
มิสซาที่ 2 (วันอาทิตย์) |
|
|
|
|
มิสซาที่ 3 (วันอาทิตย์) |
|
|
|
|
มิสซาที่ 4 (วันอาทิตย์) |
|
|
|
|
มิสซาที่ 5 (วันอาทิตย์) |
|
|
|
|
มิสซาที่
6 (วันอาทิตย์) |
|
|
|
|
การเดินรูป 14 ภาคในเทศกาลมหาพรต |
ศุกร์ / อาทิตย์ |
15.00 น./9.00 |
ไทย |
|
วันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ |
|
19.00 น. |
ไทย |
|
วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ |
|
15.00 น. |
ไทย |
|
วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ |
|
19.00 น. |
ไทย |
|
มิสซาวันคริสตมาส (กลางคืน) |
24 ธันวาคม |
22.00 น. |
ไทย |
|
มิสซาวันคริสตมาส (ตอนเช้า) |
25 ธันวาคม |
09.00 น. |
ไทย |
|
มิสซาส่งท้ายปีเก่า |
31 ธันวาคม |
19.00 น. |
ไทย |
|
มิสซาตอนรับปีใหม่ |
1 มกราคม |
09.00 น. |
ไทย |
|
ฉลองวัด |
17. มี.ค. |
10.30 น. |
ไทย |
เสาร์สัปดาห์ที่
3 ของเดือนมีนาคม |
เสกสุสาน |
ศุกร์ก่อนฉลองวัด |
16.00 น. |
ไทย |
|
การเดินทาง |
ทางบก |
สาย |
หมายเหตุ |
รถโดยสารประจำทาง (สาย) |
|
|
รถโดยสารปรับอากาศ (สาย) |
|
|
ทางน้ำ |
สาย |
หมายเหตุ |
เรือ (สาย) |
|
|
|
แผนที่วัด