www.mariarosa.org |
บทที่ 2 พระคัมภีร์
"ทุกถ้อยคำในพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า
และมีประโยชน์เพื่อสั่งสอนว่ากล่าวตักเตือน
ให้ปรับปรุงแก้ไชและอบรมให้ดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม
คนของพระเจ้าจะได้เตรียมพร้อม และพร้อมสรรพเพื่อกิจการดีทุกอย่าง" (1 ทิโมธี
3:16-17)
พระคัมภีร์ เป็นหนังสือที่บรรจุพระวาจาของพระเจ้า โดยที่พระเจ้าเองทรงมีความต้องการที่จะเปิดเผยให้มนุษย์ได้รู้จักพระองค์ เป็นข่าวดีแห่งความรอดของพระองค์ต่อมนุษย์ทุกคน มนุษย์จะทราบและรู้จักพระเจ้าได้ ก็จะต้องรู้จักอ่านหรือศึกษาจากพระคัมภีร์ โดยที่มนุษย์จะต้องร่วมมือกับพระองค์ และปฏิบัติตามพระวาจาเพื่อจะได้บรรลุถึงหนทางแห่งความรอด
โดยปกติ คนเราก็ติดต่อกันด้วยคำพูด หรือทางภาษา พระเจ้าก็ใช้วิธีเดียวกันที่มนุษย์สามารถจะเข้าใจได้ โดยใช้พระวาจาของพระเจ้าเป็นสื่อ และบันทึกรวบรวมเข้าไว้ด้วยภาษาของมนุษย์ ที่เราเรียกว่า "หนังสือพระคัมภีร์"
พระคัมภีร์ เป็นหนังสือที่รวบรวมไว้จากหลายต่อหลายคนในระยะเวลาเป็นพันปี มีหลายต่อหลายเล่ม แต่ละเล่มก็จะมีความแตกต่างกันไปบ้างตามลักษณะของผู้เขียน ที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า ในเวลาสถานที่และลักษณะที่อาจจะแตกต่างกัน
แต่ทุกเล่มก็ล้วนแต่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า ซึ่งเราถือว่าเป็นพระวาจาของพระเจ้า พระองค์เป็นผู้แต่ง ส่วนมนุษย์เป็นผู้เขียนโดยใช้ภาษามนุษย์ หรือแบบวรรณกรรม รวมทั้งภูมิหลัง หรือแนวความคิดที่แสดงออกต่างกัน
ดังนั้น พระคัมภีร์ จึงไม่ใช่หนังสือ "เล่มเดียว" แต่เป็นเสมือน "ตู้หนังสือ" ที่บรรจุพระวาจาของพระเจ้า
องค์ประกอบของพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ประกอบด้วย หนังสือประเภทต่าง ๆ หรือเล่มต่าง ๆ รวบรวมไว้ทั้งหมด 73 เล่มด้วยกัน มีอยู่ด้วยกัน 2 ภาค คือ
ภาคพันธสัญญาเดิม (The Old Testament) มี 46 เล่ม
ภาคพันธสัญญาใหม่ (The New Testament) มี 27 เล่มพระคัมภีร์ จึงเปรียบเสมือนเหรียญที่มี 2 ด้าน ประกอบกัน คือทั้งทางด้านพันธสัญญาเดิม และพันธสัญญาใหม่ที่ต่อเนื่องสัมพันธ์ต่อกัน ที่เราเรียกว่า "พันธสัญญา (Convenant)" นั่นคือจุดศูนย์กลาง และจุดสุดยอด คือ องค์พระเยซูคริสตเจ้า ในประวัติศาสตร์แห่งความรอดที่สมบูรณ์ไปได้นั้น ตั้งแต่ปฐมกาล ในพระธรรมเดิมมาจนถึงองค์พระเยซูคริสตเจ้า และต่อจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเป็นต้นมา ในพระธรรมใหม่ ดังที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ที่ว่า "ในโบราณกาล พระเจ้า ได้ตรัสด้วยวิธีต่าง ๆ มากมายแก่บรรพบุรุษของเรา โดยทางผู้เผยพระวจนะ แต่ในวาระสุดท้ายนี้ พระองค์ได้ตรัสกับเราทั้งหลายโดยทางพระบุตร..." (ฮบ 1:1-2)
พระคัมภีร์มี 2 ภาค 73 เล่ม
พันธสัญญาเดิม 46 เล่ม
ปัญจบรรพ 5 เล่ม
ประวัติศาสตร์ 16 เล่ม
ปฐมกาล
อพยพ
เลวีนิติ
กันดารวิถี
เฉลยธรรมบัญญัติโยซูวา
ผู้วินิจฉัย
นางรูธ
ซามูแอล 1-2
พงศ์กษัตริย์ 1-2
พงศาวดาล 1-2เอสรา
เนหะมีย์
เอสเธอร์
โทบิต
ยูดิธ
มัคคาบี 1-2
ปรีชาญาณ 7 เล่ม
ประกาศก 18 เล่ม
โยบ อิสยาห์ เยเรมี เพลงคร่ำครวญ เพลงสดุดี สุภาษิต เอเสเคียล ดาเนียล โฮเชยา ปัญญาจารย์ โยเอล อาโมส โอบาคีย์ เพลงซาโลมอน โยนาห์ มีคาห์ นาฮูฟ ปรีชาญาณ ฮะบากุก เศฟันยาห์ ฮักกัย บุตรสิรา ศาคารยาห์ มาลาคี บารุด
พระคัมภีร์ มี 2 ภาค
พันธสัญญาใหม่ 27 เล่ม
พระวารสาร 4 เล่ม
กิจการอัครสาวก 1 เล่ม
มัทธิว
มาระโก
ลูกา
ยอห์น
จดหมาย 21 เล่ม
วิวรณ์ 1 เล่ม
โรม ทิตัส โครินทร์ 1-2 ฟีโลโมน กาลาเทีย ฮีบรู เอเฟซัส ยากอบ ฟิลิปปี เปโตร 1-2 โคโลสี ยอห์น 1-2-3 เธสะโลนีกา 1-2 ยูดา ทิโมธี 1-2 พระคัมภีร์ จึงไม่ใช่เพียงต้องการบอกให้เรามนุษย์ได้ทราบเพียงทางด้านประวัติศาสตร์ โหราศาสตร์ หรือภูมิศาสตร์ ตลอดจนการเป็นอยู่ของมนุษย์เท่านั้น แต่สิ่งที่พระคัมภีร์ต้องการบอกแก่เราคือ ความรอดที่พระเจ้า ทรงต้องการให้มนุษย์ได้รับรู้ และได้ปฏิบัติตาม เพื่อจะได้รับความรอด ทำให้เราเข้าใจว่า พระเจ้าคือใคร มนุษย์เป็นใคร มาจากไหน และจะต้องปฏิบัติอย่างไร เพื่อเราจะได้มีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์แห่งความรอด และสำเร็จบริบูรณ์ ในองค์พระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้า องค์แห่งความรัก และผู้ช่วยเราให้รอด
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม 46 เล่ม แบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่
1. ปัญจบรรพ (The Pentateuch) คือหนังสือ 5 เล่มแรกของพระคัมภีร์ ที่กล่าวถึงพระประสงค์ และวิถีชีวิตของมนุษย์ เป็นการบอกเล่าถ่ายทอดประสบการณ์อันยาวนาน มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของเวลา วัฒนธรรม ประเพณี หรือ ผู้เขียนก็เป็นแบบ "เขียนตามคำบอก" เพราะสมัยก่อนนั้นยังไม่มีระบบการเขียนที่แน่นอน โดยมีการบอกเล่าซ้ำต่อ ๆ กันมา จากปากต่อปากให้ชนรุ่นหลังได้รับทราบ
ปฐมกาล (ปฐก.) เป็นการกล่าวถึงการสร้างโลกของพระเจ้า การทำบาปของมนุษย์ การจองหองต่อพระเจ้า นับตั้งแต่สมัยอาดัม การฆ่าคนครั้งแรกของคาอิน แสดงถึงธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความอ่อนแอต่อบาป และไม่เข้าใจในความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์ จนถึงสมัยโนอาห์ พระเจ้าลงโทษมนุษย์ด้วยการให้น้ำท่วมโลกเป็นสัญลักษณ์ของการชำระล้าง การที่นกคาบ กิ่งไม้หายออกไปจากเรือของโนอาห์ แสดงถึงความหมายของ "แผ่นดินใหม่" หรือ "ชีวิตใหม่"
ต่อมาสมัยของอับราฮัม "บิดาแห่งความเชื่อ" ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติ อับราฮัมเป็นบิดาของชน 12 ตระกูล
หนังสือ ปฐก. จะจบลงที่กำเนิดโมเสส ในสภาวะที่อิสราเอลตกเป็นทาสของอียิปต์
อพยพ (อพย.)
เริ่มจากโมเสสรับพันธสัญญา 10 ประการ และพาชาวอิสราเอชออกจากแผ่นดินอียิปต์ การข้ามทะเลแดง ถือเป็นปัสกาแรกของคริสตชน
กันดารวิถี (กดว.)
เป็นการกล่าวถึงการเดินทางรอนแรม ในถิ่นทุรกันดารของชาวอิสราเอล ก่อนเข้าแผ่นดินคานาอัน ซึ่งเป็นแผ่นดินแห่งพันธสัญญา เป็นการทดลอง ความเชื่อ ความศรัทธาของมนุษย์ต่อพระเจ้า
เลวีนิติ (ลนต.) และเฉลยธรรมบัญญัติ (ฉธบ.)
เป็นกฏหมาย และข้อปฏิบัติ ที่อธิบายขยายความต่อจากพระบัญญัติ 10 ประการ
2. ประวัติศาสตร์ (Historical Books) มีด้วยกัน 16 เล่ม ได้เล่าบรรยายถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ชาติอิสราเอล ที่สำคัญคือ
โยชูวา (ยชว.)
ได้เล่าถึงสภาพการดำรงชีวิต การปรับตัว และปรับสภาพใหม่ ภายใต้การนำของผู้วินิจฉัย
ซามูแอล (ซมอ.)
เล่าถึงการสถาปนาระบบกษัตริย์ขึ้นปกครองชาวอิสราเอล และเจริญรุ่งเรืองสูงสุด ในสมัยของกษัตริย์ดาวิด ผู้ปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
พงษ์กษัตริย์ (พกษ.)
ได้เล่าถึงเหตุการณ์หลังจากสมัยของกษัตริย์ดาวิด จนถึงเสียกรุงให้กับชาวบาบิโลน
พงศาวดาร (พศด.)
มีลักษณะที่เป็นแบบบทสอนในเหตุการณ์ต่าง ๆ มากกว่าจะเป็นประวัติศาสตร์
เอศรา (อศร.) และเนหะมีย์ (นหม.)
กล่าวถึงการกลับมาจากถิ่นเนรเทศที่กรุงบาบิโลนมาสู่แผ่นดินคานาอัน
มัคคาบี (มคบ.)
กล่าวถึงพวกชาวยิวที่ต่อต้านอิทธิพลธรรมเนียมชาวกรีกจนได้รับอิสรภาพ
3. ปรีชาญาณ (Wisdom)
มีอยู่ด้วยกัน 7 เล่ม เป็นคำสอนและข้อคิดเตือนใจในการเจริญชีวิต
สุภาษิต (สภษ.) และบุตรสิรา (บสร.)
เป็นหนังสือเตือนใจ ที่ใช้สอนลูกหลานในการเจริญชีวิตให้รุ่งเรืองก้าวหน้า ได้รับความรอดปลอดภัย
โยบ
เป็นการตอบปัญหาในชีวิต ที่ทำไมคนดีจึงต้องเผชิญกับความยากลำบาก
ปัญญาจารย์ (ปญจ.)
เป็นการเตือนให้เห็นถึงชีวิตที่เป็นอนิจจัง ให้เห็นถึงความหมายของการมีชีวิตอยู่และการปฏิบัติธรรม
ปรีชาญาณ (ปชญ.)
เป็นการให้คำตอบกับปัญหาชีวิต ว่าคนดีมีศีลธรรมอยู่ในความคุ้มครองดูแลของพระเสมอ
เพลงสดุดี (สดด.)
เป็นบทเพลงภาวนาของชาวอิสราเอลที่ใช้ในศาสนพิธี และในการสรรเสริญพระเจ้า
เพลงซาโลมอน (พซม.)
เป็นบทเพลงที่เปรียบเทียบความรักของพระเจ้าต่อชาวอิสราเอล
4. กลุ่มหนังสือประกาศก มีทั้งหมด 18 เล่ม เป็นหนังสือที่ประกาศกได้เตือนใจประชาชนให้สำนึกตน กลับใจ ปฏิบัติตนให้สอดคล้อง และซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญา แบ่งเป็นช่วงสมัยตามลำดับเป็นการแสดงถึงข่าวดี ทางแห่งความรอด ที่พระเจ้าเผยแก่บรรดาประกาศก เป็นการอธิบายเกี่ยวกับการเสด็จมาบังเกิด และการไถ่บาปของพระเยซูเจ้า
ชื่อพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม และอักษรย่อ
เล่มที่ ภาษาอังกฤษ ชื่อเต็ม ชื่อย่อปัญจบรรพ
1 Genesis ปฐมกาล ปฐก. 2 Exodus อพยพ อพย. 3 Leviticus เลวีนิติ ลนต. 4 Numbers กันดารวิถี กดว. 5 Deuteronomy เฉลยธรรมบัญญัติ ฉธบ.ประวัติศาสตร์
6 Joshua โยชูวา ยชว. 7 Judges ผู้วินิจฉัย วนฉ. 8 Ruth นางรูธ นรธ. 9 1 Samuel 1 ซามูแอล 1ซมอ. 10 2 Samuel 2 ซามูแอล 2 ซมอ. 11 1 Kings 1 พงษ์กษัตริย์ 1 พกษ. 12 2 Kings 2 พงษ์กษัตริย์ 2 พกษ. 13 1 Chronicles 1 พงศาวดาร 1 พศด. 14 2 Chronicles 2 พงศาวดาร 2 พศด. 15 Ezra เอศรา อศร. 16 Nehemiah เนหะมีย์ นหม. 17 Tobit (Tobias) โทบิต ทบต. 18 Judith ยูดิธ ยดท. 19 Esther เอสเธอร์ อสธ. 20 1 Maccabees 1 มัคคาบี 1 มคบ. 21 2 Maccabees 2 มัคคาบี 2 มคบ.ปรีชาญาณ
22 Job โยบ โยบ 23 Psalms เพลงสดุดี สดด. 24 Proverts สุภาษิต สภษ. 25 Ecclesiastes ปัญญาจารย์ ปญจ. 26 Song of Solomon เพลงซาโลมอน พซม. 27 Wisdom ปรีชาญาณ ปชญ. 28 Ben - Sira บุตรสิรา บสร.ประกาศก
29 Isaiah อิสยาห์ อสย. 30 Jeremiah เยเรมีย์ ยรม. 31 Lamentations เพลงคร่ำครวญ พคค. 32 Baruch บารุค บรค. 33 Ezekiel เอเสเคียล อสค. 34 Daniel ดาเนียล ดนล. 35 Hosea โฮเซยา ฮชย. 36 Joel โยเอล ยอล. 37 Amos อาโมส อมส. 38 Obadiah โอบาดีห์ อบต. 39 Jonah โยนาห์ ยนา. 40 Micah มีคาห์ มคา. 41 Nahum นาฮูม นฮม. 42 Habakkuk ฮาบากุก ฮบก. 43 Zephaniah เศฟันยาห์ ศฟย. 44 Haggai ฮักกัย ฮกก. 45 Zechariah เศคาริยาห์ ศคย. 46 Malachi มาลาคี มลค.ข้อสังเกต
1. คำย่อของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ใช้อักษร 3 ตัว
2. โปรแตสตันท์ ไม่ยอมรับหนังสือ กลุ่มอธิกธรรม 7 เล่ม ได้แก่ โทบิต ยูดิธ มัคคาบี 1, 2 ปรีชาญาณ บุตรสิรา และบารุค
1. พระวรสาร มี 4 เล่ม 2. กิจการอัครสาวก มี 1 เล่ม 3. บทจดหมาย มี 21 เล่ม 4. วิวรณ์ มี 1 เล่ม เป็นการบันทึกเรื่องราวในสมัยของพระเยซูเจ้า และภายหลังจากการสิ้นพระชนม์ และกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า การก่อตั้งพระศาสนจักร และการเสริมความเชื่อของคริสตชนรุ่นแรก เน้นที่องค์พระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นศูนย์กลางของประวัติศาสตร์แห่งความรอดระหว่างพันธสัญญาเดิม และพันธสัญญาใหม่ที่มีความสมบูรณ์
![]()
1. พระวรสารทั้ง สี่
เป็นบันทึกเหตุการณ์ชีวิตของพระเยซูเจ้าตลอดชีวิต 33 ปี ที่พระองค์ทรงเป็นพระวจนะของพระเจ้า ลงมาบังเกิดรับสภาพเป็นมนุษย์ประกาศข่าวดีแห่งความรอด โดยทรงช่วยปลดปล่อยให้มนุษย์เป็นอิสระจากบาป และที่สุดพระองค์ทรงยอมรับทรมาน สิ้นพระชนม์ และกลับคืนชีพ เสด็จกลับคืนสู่สวรรค์อย่างรุ่งโรจน์ และได้ทรงส่งพระจิตเจ้าลงมาช่วยมนุษย์ โดยการนำของบรรดาอัครสาวก เพื่อการประกาศพระวาจาที่เป็นข่าวดีแห่งความรอดให้แก่มวลมนุษยชาติสืบไป
พระวรสารทั้ง 3 เล่ม คือ มัทธิว ลูกา และมาระโก มีใจความคล้ายกัน จึงเรียกว่า "พระวรสารสหทรรศน์ (Synoptic)" ส่วนของยอห์นจะโดดเด่นออกมามีความแตกต่างเป็นของตนเอง และมีความหมายที่ลึกซึ้ง
พระวรสารนักบุญมาระโก
เป็นพระวรสารเล่มแรก ประพันธ์ขึ้นประมาณ ค.ศ. 70 ให้ความสำคัญที่พระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์แห่งจิตใจ และพระอาณาจักรของพระเจ้า ใช้สัญญลักษณ์ คือ "สิงโต"
พระวรสารนักบุญมัทธิว
ประพันธ์ขึ้นประมาณ ค.ศ. 80 แสดงภาพของพระเยซูเจ้า ในสภาวะของความเป็นมนุษย์ เน้นลำดับพงศ์พันธุ์ของพระเยซูเจ้า ความสำคัญของพระเยซูเจ้า ที่ทำให้พันธสัญญาเดิมมีความสมบูรณ์ และสำเร็จไป ใช้สัญญลักษณ์คือ "คน"
พระวรสารนักบุญลูกา
ประพันธ์ขึ้นประมาณ ค.ศ. 85 เนื่องจากนักบุญลูกาเป็นแพทย์ และเป็นคนต่างศาสนามาก่อน ในพระวรสารจะกล่าวเน้นถึงอัศจรรย์ของพระเยซูเจ้า ในการรักษาคนเจ็บป่วย คนบาป และความรอดเน้นบทบาทของพระเยซูเจ้าในฐานะองค์ผู้ช่วยให้รอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรอดสำหรับคนต่างศาสนา ใช้สัญญลักษณ์ คือ "วัว"
พระวรสารนักบุญยอห์น
ประพันธ์ขึ้นประมาณ ค.ศ. 90-100 เนื้อหาโดยส่วนใหญ่เน้นที่พระเยซูเจ้า ในฐานะขององค์แห่งความรัก ลักษณะการเขียนจะใช้ถ้อยความที่ลึกซึ้ง และมีระบบที่แตกต่างจากพระวรสารสหทรรศน์มาก มีความหมายและสายตาที่แหลมคม ความลึกซึ้ง จึงใช้สัญญลักษณ์ คือ "นกอินทรี"
2. กิจการอัครสาวก
ประพันธ์โดยนักบุญลูกา จึงเป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องกับพระวรสารของนักบุญลูกา ในหนังสือนี้ มิใช่เป็นประวัติศาสตร์โดยตรง แต่เป็นการประกาศเรื่องราวเกี่ยวกับองค์พระเยซูคริสตเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็มโดยทางบรรดาอัครสาวก ที่เป็นพยานยืนยันถึงพระองค์ ผู้ทรงสิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ นอกจากนั้นยังได้บรรยายถึงเหตุการณ์ของพระศาสนจักรในยุคแรกเริ่ม ภายหลังการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูเจ้าแล้ว อัครสาวกได้ประกาศความเชื่อ และคำสอนขององค์พระเยซูคริสตเจ้า ต่อมาโดยได้เล่าถึงการรับความเชื่อบ้าง และการเบียดเบียนพระศาสนจักรในรูปแบบต่าง ๆ กัน
นอกจากนั้นจะได้พบเรื่องราวของบุคคลสำคัญในพระศาสนจักรบางคน เช่นการเป็นปฐมมรณสักขีของนักบุญสเทเฟน และที่สำคัญคือการเบียดเบียนพระศาสนจักร และการกลับใจของนักบุญเปาโล
ข้อที่น่าสังเกตคือ ในหนังสือกิจการอัครสาวก ไม่ได้กล่าวถึง "พิธีกรรม" ต่าง ๆ เช่นที่เกิดขึ้นในพระศาสนจักรยุคปัจจุบันเลย เพราะการชุมนุมของพระศาสนจักรในยุคแรกเริ่ม เป็นเพียงการมาพบกันเพื่อรื้อฟื้น ระลึกถึงการเลี้ยง และการบิขนมปัง (ศีลมหาสนิท) ของพระเยซูเจ้าในคืนสุดท้ายก่อนสิ้นพระชนม์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มของพิธีมิสซาในปัจจุบัน
3. บทจดหมาย
ในยุคแรก เป็นเพียงการเขียนในลักษณะของจดหมาย เพื่อจุดประสงค์ในการบรรเทาใจ เตือนใจ ปลอบใจ ให้กำลังใจกับคริสตชนรุ่นแรกที่มีความเชื่อยังไม่มั่นคง เนื่องจากถูกเบียดเบียน และเพื่อเพิ่มพูนความเชื่อ บำรุงศรัทธา ต่อมาภายหลัง จึงถือว่าเป็นพระวาจาของพระเจ้า เพื่อเป็นบทสอนในด้านจิตใจต่อไป
4. วิวรณ์
นิพนธ์โดยนักบุญยอห์น อัครสาวก ซึ่งได้นิพนธ์ขึ้นตามนิมิต และเป็นภาษาสัญลักษณ์ทั้งหมด จิตตารมณ์ของการเขียนหนังสือวิวรณ์ คือ ต้องการให้มนุษย์ตั้งตนในความไม่ประมาท และพร้อมที่จะพบกับพระเจ้าเสมอ ความวางใจต่อพระเจ้า ให้ผู้ที่ถูกเบียดเบียนได้มีความหวังและได้รับความรอด ไม่ใช่การทำนายถึงวันสิ้นโลก หรืออวสานของโลกอย่างที่หลายคนเข้าใจและเกิดความกลัว จากการตีความภาษาสัญลักษณ์อย่างตรงไปตรงมาเกินไป
ชื่อพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ และอักษรย่อ
เล่มที่ ภาษาอังกฤษ ชื่อเต็ม ชื่อย่อ พระวรสาร
47 Matthew มัทธิว มธ. 48 Mark มาระโก มก. 49 Luke ลูกา ลก. 50 John ยอห์น ยน. กิจการอัครสาวก
51 Acts กิจการอัครสาวก กจ. บทจดหมาย
52 Romans โรม รม. 53 1 Corinthians 1 โครินท์ 1 คร. 54 2 Corinthians 2 โครินท์ 2 คร. 55 Galatians กาลาเทีย กท. 56 Ephesians เอเฟซัส อฟ. 57 Philippians ฟิลิปปี ฟป. 58 Colossians โคโลสี คส. 59 1 Thessalonians 1 เธสะโลนิกา 1 ธส. 60 2 Thessalonians 2 เธสะโลนิกา 2 ธส. 61 1 Timothy 1 ทิโมธี 1 ทธ. 63 2 Timothy 2 ทิโมธี 2 ทธ. 64 Philemon ฟิเลโมน ฟม. 65 Hebrews ฮิบรู ฮบ. 66 James ยากอบ ยก. 67 1 Peter 1 เปโตร 1 ปต. 68 2 Peter 2 เปโตร 2 ปต. 69 1 John 1 ยอห์น 1 ยน. ึ70 2 John 2 ยอห์น 2 ยน. 71 3 John 3 ยอห์น 3 ยน. 72 Jude ยูดา ยด. หนังสือวิวรณ์
73 Apocalypse or Revelation วิวรณ์ วว. ข้อสังเกต คำย่อของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ใช้อักษร 2 ตัว
บทสรุป
พระวาจาในพระคัมภีร์ เป็นเรื่องทันสมัยอยู่เสมอ (เช่นเดียวกับพระจิตที่เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ) และอยู่ที่การพยายามปฏิบัติให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน แต่การที่พระวาจาจะบังเกิดผลต่อมนุษย์นั้น นอกจากต้องอาศัยความเชื่อ และการกลับใจแล้ว จำเป็นต้อง ปฏิบัติ ด้วยจึงจะบังเกิดผลอย่างแท้จริง