ข.คำเทศน์เกี่ยวกับพระศาสนจักร
ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด l การชักนำผู้อื่นให้ทำบาป l แกะที่พลัดหลง l การตักเตือนกันฉันพี่น้อง l
การอธิษฐานภาวนาร่วมกัน l การให้อภัยความผิด l อุปมาเรื่องลูกหนี้ไร้เมตตา l
18(1) ขณะนั้น บรรดาศิษย์เข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้า ทูลถามว่า ผู้ใดยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรสวรรค์
(2) พระเยซูเจ้าทรงเรียกเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งให้มายืนอยู่กลางกลุ่มพวกเขา
(3) แล้วตรัสว่า เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กลับเป็นเหมือนเด็กเล็ก ๆ ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย
(4) เพราะฉะนั้น ผู้ใดที่ถ่อมตนลงเป็นเหมือนเด็กเล็ก ๆ คนนี้ ผู้นั้นจะยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรสวรรค์
มธ 18:5-11 การชักนำผู้อื่นให้ทำบาป
(5) ผู้ใดต้อนรับเด็กเล็ก ๆ เช่นนี้ในนามของเรา ผู้นั้นต้อนรับเรา
(6) ผู้ใดเป็นเหตุให้คนธรรมดา ๆ ที่มีความเชื่อในเราทำบาป ถ้าเขาจะถูกแขวนคอด้วยหินโม่ถ่วงลงใต้ทะเล ก็ยังดีกว่าสำหรับเขา
(7) น่าเสียดายที่โลกนี้ยังมีผู้ที่เป็นเหตุให้มนุษย์ทำบาป ผู้เป็นเหตุให้มนุษย์ทำบาปต้องมีอย่างแน่นอน แต่วิบัติจงเกิดแก่ผู้นั้นเถิด
(8) ถ้ามือหรือเท้าของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาปจงตัดมันทิ้งเสีย ท่านเข้าสู่ชีวิตโดยมีมือหรือเท้าข้างเดียวยังดีกว่ามีมือหรือเท่าทั้งสองข้าง แต่ถูกทิ้งลงในไฟนิรันดร
(9) ถ้าตาข้างหนึ่งของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป จงควักมันทิ้งเสีย ท่านจะเข้าสู่ชีวิตโดยมีตาข้างเดียวยังดีกว่ามีตาทั้งสองข้าง แต่ต้องถูกทิ้งลงในไฟนรก
(10) จงระวังให้ดี อย่าดูหมิ่นคนธรรมดา ๆ เหล่านี้คนใดเลย เราบอกท่านทั้งหลายว่า ตลอดเวลาในสวรรค์ ทูตสวรรค์ของเขาเฝ้าชมพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์
(11)
(12) ท่านทั้งหลายคิดอย่างไร ถ้าชายคนหนึ่งมีแกะอยู่ร้อยตัว แล้วแกะตัวหนึ่งบังเอิญหลงทาง เขาจะไม่ปล่อยแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้บนภูเขา เพื่อค้นหาแกะตัวที่หลงไปหรือ
(13) เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าเขาหาแกะตัวนั้นพบแล้ว เขาจะรู้สึกยินดีที่พบมัน มากกว่ายินดีในแกะเก้าสิบเก้าตัวที่มิได้พลัดหลง
(14) พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ก็เช่นกัน ไม่ทรงปรารถนาให้คนธรรมดา ๆ เหล่านี้แม้เพียงผู้เดียวต้องพินาศไป
มธ 18:15-18 การตักเตือนกันฉันพี่น้อง
(15) ถ้าพี่น้องของท่านทำผิดจงไปตักเตือนเขาตามลำพัง ถ้าเขาเชื่อฟัง ท่านจะได้พี่น้องกลับคืนมา
(16) ถ้าเขาไม่เชื่อฟัง จงพาอีกคนหนึ่งหรือสองคนไปด้วย คำพูดของพยานสองคนหรือสามคนจะได้จัดเรื่องราวให้เรียบร้อย
(17) ถ้าเขาไม่ยอมฟังพยานจงแจ้งให้หมู่คณะทราบถ้าเขาไม่ยอมฟังหมู่คณะอีก จงปฏิบัติต่อเขาเหมือนเขาเป็นคนต่างศาสนา หรือคนเก็บภาษีเถิด
(18) เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกในโลก จะผูกไว้ในสวรรค์ และทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในโลก ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย
มธ 18:19-20 การอธิษฐานภาวนาร่วมกัน
(19) เราบอกความจริงแก่ท่านอีกว่า ถ้าท่านสองคนในโลกนี้พร้อมใจกันอ้อนวอนขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์จะประทานให้
(20) เพราะว่า ที่ใดมีสองหรือสามคนชุมนุมกันในนามของเรา เราอยู่ที่นั่นท่ามกลางพวกเขา
(21) เปโตรเข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า พระเจ้าข้า ถ้าพี่น้องทำผิดต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องยกโทษให้เขาสักกี่ครั้ง ถึงเจ็ดครั้งหรือไม่
(22) พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า เราไม่ได้บอกท่านว่าต้องยกโทษให้เจ็ดครั้งแต่ต้องยกโทษให้เจ็ดคูณเจ็ดสิบครั้ง
มธ 18:23-35 อุปมาเรื่องลูกหนี้ไร้เมตตา
(23) อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับกษัตริย์พระองค์หนึ่ง ทรงประสงค์จะตรวจบัญชีหนี้สินของผู้รับใช้
(24) ขณะที่ทรงเริ่มตรวจบัญชีนั้น มีผู้นำชายผู้หนึ่งเข้ามา ชายผู้นี้เป็นหนี้อยู่เป็นพันล้านบาท
(25) เขาไม่มีสิ่งใดจะชำระหนี้ได้ กษัตริย์จึงตรัสสั่งให้ขายทั้งตัวเขา บุตรภรรยาและทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อใช้หนี้
(26) ผู้รับใช้กราบพระบาททูลอ้อนวอนว่า ขอทรงพระกรุณาผลัดหนี้ไว้ก่อนเถิด แล้วข้าพเจ้าจะชำระหนี้ให้ทั้งหมด
(27) กษัตริย์ทรงสงสารจึงทรงปล่อยเขาไปและทรงยกหนี้ให้
(28) ขณะที่ผู้รับใช้ออกไป ก็พบเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกันซึ่งเป็นหนี้เขาอยู่ไม่กี่พันบาทเขาเข้าไปคว้าคอบีบไว้แน่น พูดว่าเจ้าเป็นหนี้ข้าอยู่เท่าไร จงจ่ายให้หมด
(29) เพื่อนคนนั้นคุกเข่าลงอ้อนวอนว่า กรุณาผลัดหนี้ไว้ก่อนเถิด แล้วข้าพเจ้าจะชำระหนี้ให้
(30) แต่เขาไม่ยอมฟัง นำลูกหนี้ไปขังไว้จนกว่าจะชำระหนี้ให้หมด
(31) เพื่อนผู้รับใช้อื่น ๆ เห็นดังนั้นต่างสลดใจมาก จึงนำความทั้งหมดไปทูลกษัตริย์
(32) พระองค์จึงทรงเรียกชายผู้นั้นมา ตรัสว่า เจ้าคนสารเลว ข้ายกหนี้สินของเจ้าทั้งหมดเพราะเจ้าขอร้อง
(33) เจ้าต้องเมตตาเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกัน เหมือนกับที่ข้าได้เมตตาเจ้ามิใช่หรือ
(34) กษัตริย์กริ้วมาก ตรัสสั่งให้นำผู้รับใช้นั้นไปทรมานจนกว่าจะชำระหนี้หมดสิ้น
(35) พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์จะทรงกระทำต่อท่านทำนองเดียวกัน ถ้าท่านแต่ละคนไม่ยอมยกโทษให้พี่น้องจากใจจริง