จดหมายของนักบุญยากอบ
 [ 01 ] [ 02 ] [ 03 ] [ 04 ] [ 05 ]

 

ยก 1:1 คำขึ้นต้น

1(1) ยากอบ ผู้รับใช้ของพระเจ้าและของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอส่งความคิดถึงตระกูลทั้งสิบสองตระกูลที่กระจายอยู่ทั่วโลก

ยก 1:2-4 ความทุกข์ยากเป็นสิทธิพิเศษ

(2) พี่น้องทั้งหลาย จงคิดว่าเป็นที่น่ายินดีเมื่อประสบความยากลำบากต่าง ๆ
(3) เพราะท่านรู้อยู่แล้วว่าการที่ความเชื่อของท่านถูกทดสอบก่อให้เกิดความพากเพียร
(4) จงพากเพียรให้ถึงที่สุด เพื่อท่านจะได้เป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ไม่มีที่ตำหนิ และไม่มีสิ่งใดบกพร่อง

ยก 1:5-8 การอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อมั่น

(5) ท่านใดขาดปรีชาญาณ จงขอปรีชาญาณนั้นจากพระเจ้าเถิด พระองค์ประทานให้ทุกคนด้วยพระทัยกว้างโดยไม่ทรงตำหนิเลย แล้วเขาจะได้รับปรีชาญาณตามที่ขอ
(6) แต่เขาต้องขอด้วยความเชื่อ โดยไม่สงสัย เพราะผู้ที่สงสัยนั้นเปรียบเสมือนคลื่นในทะเลที่ถูกลมพัดซัดไปมา
(7) คนเช่นนี้จะไม่ได้รับอะไรจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
(8) เขาเป็นคนจิตใจโลเลไม่มั่นคงในกิจการทั้งหลายของเขา

ยก 1:9-11 ชะตากรรมของคนมั่งมี

(9) พี่น้องผู้ต่ำต้อยจงภูมิใจในตำแหน่งสูงของตน
(10) ส่วนคนมั่งมีก็จงภูมิใจในสภาพต่ำต้อยของตน เพราะเขาจะต้องล่วงพ้นไปดุจดอกหญ้า
(11) เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นแดดร้อนระอุแล้ว หญ้าก็เหี่ยวแห้งไป ดอกหญ้าจะร่วงโรยและความงดงามจะสูญไป คนมั่งมีจะร่วงโรยไปขณะที่กำลังทำธุรกิจของตนเช่นเดียวกัน

ยก 1:12-15 การถูกทดลอง

(12) ผู้ที่มีมานะอดทนต่อการถูกทดลองย่อมเป็นสุข เพราะเมื่อเขาผ่านการทดลองนั้น เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้ผู้ที่รักพระองค์
(13) อย่าให้ผู้ใดที่ถูกทดลองพูดว่า “ข้าพเจ้าถูกพระเจ้าทดลอง” เพราะความชั่วไม่อาจทดลองพระเจ้าได้ และพระองค์ไม่ทรงทดลองผู้ใด
(14) แต่เราทุกคนถูกกิเลสตัณหาทดลอง ดึงดูด และหลอกลวง
(15) กิเลสตัณหาทำให้เกิดบาปและเมื่อมีบาปมาก บาปก็จะทำให้เกิดความตาย

ยก 1:16-18 การรับฟังพระวาจาและนำไปปฏิบัติ

(16) พี่น้องที่รัก อย่าหลงผิด
(17) ของประทานทุกอย่างที่ดีและบริบูรณ์ย่อมมาจากเบื้องบน ลงมาจากพระบิดาผู้ทรงสร้างความสว่าง พระองค์ไม่ทรงเปลี่ยนแปลง ไม่ทรงมีแม้แต่เงาแห่งความแปรปรวนใด ๆ
(18) พระองค์พอพระทัยให้เราบังเกิดโดยพระวาจาแห่งความจริง เพื่อให้เราเป็นดุจผลแรกในสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง

ยก 1:19-27 ความเลื่อมใสที่แท้จริง

(19) พี่น้องที่รัก พึงตระหนักว่า ทุกคนจงฉับไวที่จะฟัง แต่ช้าที่จะพูด และช้าที่จะโกรธ
(20) คนที่โกรธย่อมไม่ปฏิบัติตนชอบธรรมตามพระประสงค์ของพระเจ้า
(21) ดังนั้น จงละทิ้งความโสมมทั้งหลาย และความชั่วร้ายที่ยังตกค้างอยู่ จงน้อมรับพระวาจาที่ทรงปลูกฝังไว้ในท่าน พระวาจานั้นช่วยวิญญาณท่านให้รอดพ้นได้
(22) จงปฏิบัติตามพระวาจา มิใช่เพียงแต่ฟัง ซึ่งเท่ากับหลอกตนเอง
(23) เพราะถ้าผู้ใดฟังพระวาจาแล้วไม่ปฏิบัติตาม ก็เหมือนคนที่มองใบหน้าของตนในกระจกเงา
(24) เมื่อมองตนเอง และจากไปแล้ว ก็ลืมทันทีว่าตนเป็นอย่างไร
(25) ส่วนผู้ที่พิจารณาบัญญัติแห่งอิสรภาพ และยึดมั่นในบัญญัตินั้น มิใช่ฟังแล้วลืม แต่ฟังแล้วนำไปปฏิบัติตาม ผู้นั้นย่อมประสบความสุขในการปฏิบัตินั้น
(26) ผู้ใดคิดว่าตนเป็นคนเลื่อมใสศรัทธาแต่ไม่ควบคุมลิ้นของตน ผู้นั้นย่อมหลอกลวงตนเอง ความเลื่อมใสศรัทธาของเขาย่อมไร้ค่า
(27) ความเลื่อมใสศรัทธาบริสุทธิ์และไร้มลทินเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าพระบิดาคือการเยี่ยมเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตนให้พ้นจากมลทินของโลก

top

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ยก 2:1-13 การให้เกียรติคนยากจน

2(1) พี่น้องทั้งหลาย อย่าให้ความเชื่อของท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา คือพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ มีความลำเอียงปนอยู่ด้วย
(2) สมมุติว่า ใครคนหนึ่งสวมแหวนทองคำและเสื้อผ้าหรูหราเข้ามาในที่ประชุมของท่าน และขณะเดียวกันมีคนจนอีกคนหนึ่งแต่งตัวมอซอเข้ามา
(3) ท่านเข้าไปต้อนรับคนแต่งตัวหรูหราและบอกเขาว่า “เชิญนั่งตามสบายที่นี่เถิด” ส่วนคนจนนั้นท่านบอกเขาว่า “จงยืนที่นั่น” หรือ “จงนั่งข้าง ๆ ที่วางเท้าของฉันซิ”
(4) ท่านก็เป็นผู้เลือกชั้นวรรณะ และตัดสินโดยมาตรการเลวร้ายมิใช่หรือ
(5) พี่น้องที่รักทั้งหลาย จงฟังเถิด พระเจ้าทรงเลือกผู้ที่โลกตัดสินว่ายากจนเพื่อให้เขามั่งมีในความเชื่อ และเป็นทายาทรับมรดกพระอาณาจักรซึ่งทรงสัญญาไว้สำหรับผู้ที่รักพระองค์มิใช่หรือ
(6) แต่ท่านกลับดูหมิ่นคนยากจน มิใช่คนร่ำรวยหรือที่กดขี่ข่มเหงท่าน
(7) มิใช่พวกเขาหรือที่ฉุดลากท่านไปขึ้นศาล มิใช่พวกเขาหรือที่กล่าวร้ายต่อพระนามประเสริฐซึ่งบันดาลให้ท่านเป็นของพระเจ้า
(8) ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติสำคัญที่สุดดังที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า “จงรักเพื่อนบ้านของท่านเหมือนรักตนเอง” ท่านก็ทำดีแล้ว
(9) แต่ถ้าท่านลำเอียง ท่านย่อมทำบาป และถูกธรรมบัญญัติกล่าวโทษว่าเป็นผู้ละเมิด
(10) ผู้ที่ละเมิดธรรมบัญญัติแม้เพียงข้อเดียว ทั้ง ๆ ที่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติข้ออื่นทั้งหมด ย่อมผิดต่อธรรมบัญญัติทั้งมวล
(11) พระองค์ผู้ตรัสว่า “อย่าล่วงประเวณี” ยังตรัสอีกว่า “อย่าฆ่าคน” ดังนั้น ถ้าท่านไม่ล่วงประเวณี แต่ฆ่าคน ท่านก็เป็นผู้ละเมิดธรรมบัญญัติ
(12) จงพูดและกระทำอย่างผู้ที่จะถูกพิพากษาด้วยธรรมบัญญัติแห่งอิสรภาพเถิด
(13) ผู้ใดที่ไม่แสดงความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ จะถูกพิพากษาโดยปราศจากความเมตตากรุณาเช่นเดียวกัน ผู้ที่แสดงความเมตตากรุณาจะไม่เกรงกลัวการพิพากษา

ยก 2:14-26 ความเชื่อและการกระทำความดี

(14) พี่น้องทั้งหลาย จะมีประโยชน์ใดหากผู้หนึ่งอ้างว่ามีความเชื่อแต่ไม่มีการกระทำ ความเชื่อเช่นนี้จะช่วยให้เขารอดพ้นได้หรือ
(15) ถ้าพี่น้องชายหญิงคนใดขัดสนเครื่องนุ่งห่ม และไม่มีอาหารประจำวัน
(16) แล้วท่านคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “จงไปเป็นสุขเถิด ขอให้อบอุ่นและอิ่มเถิด” แต่มิได้ให้สิ่งที่จำเป็นสำหรับร่างกายแก่เขา จะมีประโยชน์ใดเล่า
(17) ความเชื่อก็เช่นเดียวกัน หากไม่มีการกระทำ ก็เป็นความเชื่อที่ตายแล้ว
(18) อาจมีผู้พูดว่า “บางคนมีความเชื่อ บางคนมีการกระทำ” ถ้าเป็นเช่นนั้นจงแสดงความเชื่อที่ไม่มีการกระทำให้ข้าพเจ้าเห็นเถิด แล้วข้าพเจ้าจะแสดงความเชื่อให้ท่านเห็นด้วยการกระทำ
(19) ท่านเชื่อว่ามีพระเจ้าเพียงพระองค์เดียวหรือดีแล้ว แม้พวกปีศาจก็เชื่อเช่นนั้นและยังกลัวจนตัวสั่นด้วย
(20) คนเบาปัญญาเอ๋ย ท่านอยากรู้หรือไม่ว่าความเชื่อที่ปราศจากการกระทำนั้นไร้ประโยชน์
(21) อับราฮัม บรรพบุรุษของเราได้รับความชอบธรรมเพราะการกระทำ เมื่อถวายอิสอัคบุตรของตนบนแท่นบูชามิใช่หรือ
(22) ท่านเห็นแล้วว่า ความเชื่อกับการกระทำของเขาดำเนินไปพร้อม ๆ กัน และเพราะการกระทำนั้นความเชื่อจึงสมบูรณ์
(23) ดังข้อความในพระคัมภีร์ว่า “อับราฮัมเชื่อพระเจ้า พระองค์ทรงคิดว่าความเชื่อนี้เป็นความชอบธรรมของเขา” เขาจึงได้ชื่อว่า ‘เป็นมิตรของพระเจ้า’
(24) ท่านทั้งหลายเห็นแล้วว่า มนุษย์จะเป็นผู้ชอบธรรมได้ก็ด้วยการกระทำ มิใช่ด้วยความเชื่อแต่อย่างเดียว
(25) เช่น นางราหับโสเภณีได้รับความชอบธรรมด้วยการกระทำ เพราะนางต้อนรับผู้ส่งข่าว และชี้ทางอื่นให้พวกเขาหลบหนีออกไปมิใช่หรือ
(26) ร่างกายที่ปราศจากวิญญาณย่อมตายแล้วฉันใด ความเชื่อที่ไม่มีการกระทำก็ย่อมตายแล้วฉันนั้น

top

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ยก 3:1-12 การไม่ควบคุมคำพูด

(1) พี่น้องทั้งหลาย อย่าเป็นครูกันหลายคน เพราะท่านรู้แล้วว่าเราที่เป็นครูจะถูกพิพากษาอย่างเข้มงวดกว่าคนอื่น
(2) เพราะเราทุกคนต่างก็ผิดพลาดได้หลายเรื่อง ถ้าผู้ใดไม่ผิดพลาดด้วยวาจา ผู้นั้นย่อมเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ เขาบังคับร่างกายทั้งหมดให้อยู่ใต้อำนาจได้
(3) เราสวมบังเหียนที่ปากม้าก็เพื่อให้มันเชื่อฟังเรา เราบังคับมันให้ไปที่ใดก็ได้ทั้งตัว
(4) จงดูเรือเถิด แม้เรือจะใหญ่โต และถูกลมแรงพัดให้แล่นไป ก็ยังถูกบังคับด้วยหางเสือเล็ก ๆ ให้ไปทางใดก็ได้ตามใจนายท้าย
(5) ลิ้นก็เช่นเดียวกัน เป็นอวัยวะเล็ก ๆ แต่ก็โอ้อวดกิจการใหญ่โตได้ จงดูเถิด ประกายไฟเพียงนิดเดียวก็เผาป่าอันกว้างใหญ่ไพศาลให้วอดวายได้
(6) ลิ้นก็เป็นไฟ เป็นโลกของความชั่วร้าย อยู่ระหว่างอวัยวะต่าง ๆ ของเรา ทำให้ร่างกายโสมมไปทั้งร่าง และติดไฟมาจากขุมนรก เผาผลาญเราทั้งชีวิต
(7) มนุษย์ฝึกสัตว์ป่า นก หรือสัตว์เลื้อยคลานตลอดจนสัตว์น้ำทุกชนิด ให้เชื่องได้ และได้ฝึกให้เชื่องมาแล้ว
(8) ส่วนลิ้นนั้นไม่มีมนุษย์คนใดทำให้เชื่องได้ ลิ้นเป็นสิ่งชั่วร้ายที่ควบคุมไม่ได้ มีพิษร้ายถึงตาย
(9) เราใช้ลิ้นถวายพระพรพระเจ้า พระบิดา และใช้ลิ้นสาปแช่งมนุษย์ซึ่งถูกสร้างตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า
(10) ทั้งคำถวายพระพรและคำสาปแช่งล้วนออกมาจากปากเดียวกัน พี่น้องทั้งหลาย ไม่ควรให้เป็นเช่นนี้เลย
(11) ตาน้ำจะมีทั้งน้ำจืดและน้ำกร่อยพุ่งมาจากช่องเดียวกันได้หรือ
(12) พี่น้องทั้งหลาย ต้นมะเดื่อจะออกผลเป็นมะกอกเทศได้อย่างไร เถาองุ่นจะออกผลเป็นมะเดื่อเทศได้อย่างไร ตาน้ำเค็มย่อมให้น้ำจืดไม่ได้

ยก 3:13-18 ปรีชาญาณแท้และปรีชาญาณเทียม

(13) ใครบ้างคิดว่าตนฉลาดและมีปรีชาญาณ จงแสดงความฉลาดและปรีชาญาณนั้นอย่างอ่อนโยนด้วยการกระทำและความประพฤติดี
(14) แต่ถ้าใจของท่านขมขื่นด้วยความอิจฉาริษยา และมีความทะเยอทะยาน จงอย่าโอ้อวดและอย่ามุสาต่อต้านความจริง
(15) ปรีชาญาณเช่นนี้มิได้มาจากเบื้องบน แต่เป็นปรีชาญาณตามธรรมดาโลก ตามแบบวัตถุนิยมและตามแบบปีศาจ
(16) ที่ใดมีความอิจฉาริษยาและความทะเยอทะยาน ที่นั่นย่อมมีแต่ความวุ่นวายและความชั่วร้ายนานาชนิด
(17) ส่วนปรีชาญาณที่มาจากเบื้องบน ประการแรกเป็นสิ่งบริสุทธิ์ แล้วจึงก่อให้เกิดสันติ เห็นอกเห็นใจ อ่อนน้อม เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา บังเกิดผลที่ดีงาม ไม่ลำเอียง ไม่เสแสร้ง
(18) ผู้ที่สร้างสันติย่อมเป็นผู้หว่านในสันติ และจะเก็บเกี่ยวผลเป็นความชอบธรรม

top

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ยก 4:1-12 ความแตกแยกในกลุ่มคริสตชน

4(1) การต่อสู้และการทะเลาะวิวาทในหมู่ท่านนั้นมาจากที่ใด มิใช่มาจากกิเลสตัณหาซึ่งต่อสู้อยู่ภายในร่างกายของท่านหรือ
(2) ท่านอยากได้ แต่ไม่ได้ จึงฆ่ากัน ท่านอยากได้ แต่ไม่สมหวัง จึงทะเลาะวิวาทและต่อสู้กัน ท่านไม่มีเพราะไม่ได้วอนขอ
(3) ท่านวอนขอ แต่ไม่ได้รับ เพราะท่านวอนขอไม่ถูกต้อง คือวอนขอเพื่อนำไปสนองกิเลสตัณหาของท่าน
(4) ท่านที่ไม่ซื่อสัตย์เหมือนหญิงคบชู้ ท่านไม่รู้หรือว่า การเป็นมิตรกับโลกคือการเป็นศัตรูกับพระเจ้า ฉะนั้นผู้ใดต้องการเป็นมิตรกับโลก ก็ตั้งตนเป็นศัตรูกับพระเจ้า
(5) ท่านคิดว่าพระคัมภีร์กล่าวไร้สาระหรือว่า “พระเจ้าทรงรักจิตอย่างหวงแหน จิตที่พระองค์ประทานให้สถิตในเรา”
(6) พระองค์ยังประทานพระหรรษทานที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่านั้นอีก ฉะนั้นพระคัมภีร์จึงกล่าวอีกว่า “พระเจ้าทรงต่อต้านคนเย่อหยิ่ง แต่ประทานพระหรรษทานแก่ผู้ถ่อมตน”
(7) ท่านทั้งหลายอยู่ใต้อำนาจพระเจ้า จงต่อต้านปีศาจ แล้วมันจะหลบหนีไปจากท่าน
(8) จงเข้าใกล้พระเจ้าแล้วพระองค์จะเสด็จมาใกล้ท่าน คนบาปทั้งหลาย จงล้างมือให้สะอาด คนใจโลเลทั้งหลาย จงทำใจให้บริสุทธิ์เถิด
(9) จงคร่ำครวญจงเป็นทุกข์โศกเศร้าและร้องไห้เถิด จงให้การหัวเราะของท่านกลายเป็นความเศร้าโศก จงให้ความยินดีของท่านกลายเป็นความเศร้าใจ
(10) จงถ่อมตนลงเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า และพระองค์จะทรงยกย่องท่าน
(11) พี่น้องทั้งหลาย อย่าใส่ร้ายกัน ผู้ใดพูดใส่ร้ายพี่น้องหรือตัดสินพี่น้องของตน ผู้นั้นย่อมกล่าวร้ายต่อธรรมบัญญัติและตัดสินธรรมบัญญัติ ถ้าท่านตัดสินธรรมบัญญัติ ท่านก็ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ แต่เป็นผู้ตัดสินธรรมบัญญัติ
(12) ผู้ทรงตั้งธรรมบัญญัติและผู้ทรงพิพากษาตัดสินมีเพียงพระองค์เดียว คือพระองค์ผู้ทรงช่วยเราให้รอดพ้นได้ และทรงทำลายเราได้ ท่านเป็นใครเล่าจึงตัดสินพี่น้องของท่า

ยก 4:13-17 คำเตือนสำหรับคนมั่งมีและมั่นใจในตนเอง

(13) ท่านพูดว่า “วันนี้หรือพรุ่งนี้ เราจะไปเมืองนี้เมืองนั้น จะอยู่ที่นั่นสักหนึ่งปี จะค้าขายได้กำไร”
(14) ท่านไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ไม่รู้ว่าชีวิตของท่านจะเป็นอย่างไร ท่านทั้งหลายเป็นเหมือนหมอกซึ่งปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็หายไป
(15) ดังนั้น ท่านควรจะพูดว่า “หากองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระประสงค์ เราจะมีชีวิตอยู่และจะทำสิ่งนี้สิ่งนั้น”
(16) แต่บัดนี้ ท่านได้แต่โอ้อวดในความเย่อหยิ่งของท่าน การโอ้อวดเช่นนี้ล้วนแต่เลวร้าย
(17) คนที่รู้ว่าต้องทำความดี แต่ไม่ทำ ก็ทำบาป

top

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ยก 5:1-6

5(1) ผู้มั่งมีทั้งหลาย จงร้องไห้คร่ำครวญเพราะความทุกข์ยากกำลังจะมาถึงท่านแล้ว
(2) ทรัพย์สมบัติของท่านเสื่อมสลาย เสื้อผ้าก็ถูกมอดกัดกินหมดแล้ว
(3) เงินทองของท่านก็เป็นสนิม และสนิมนั้นจะเป็นพยานปรักปรำท่าน มันจะกัดกินเนื้อของท่านประดุจไฟซึ่งท่านสะสมไว้สำหรับวันสุดท้าย
(4) ท่านคดโกงไม่จ่ายค่าจ้างให้กรรมกรที่เก็บเกี่ยวในทุ่งนาของท่าน ค่าจ้างนี้กำลังร้อง และเสียงร้องของคนเก็บเกี่ยวไปถึงพระกรรณของพระเจ้าจอมโยธาแล้ว
(5) ท่านมีชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยในโลกนี้ และกินเลี้ยงอย่างสนุกสนาน ท่านบำรุงจิตใจของท่านไว้รอวันประหาร
(6) ท่านตัดสินลงโทษและฆ่าผู้ชอบธรรม เขาก็มิได้ขัดขืนท่าน

ยก 5:7-20 การเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้า

(7) พี่น้องทั้งหลาย จงพากเพียรรอจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา จงดู ชาวนาเถิด เขาย่อมรอผลมีค่าจากแผ่นดินด้วยความพากเพียร รอจนกระทั่งมีฝนต้นฤดูและฝนปลายฤดู
(8) ท่านก็เช่นเดียวกัน จงมีความพากเพียร ทำจิตใจให้เข้มแข็งเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าใกล้จะเสด็จมาแล้ว
(9) พี่น้องทั้งหลาย อย่าบ่นนินทากัน เพื่อจะได้ไม่ถูกพิพากษา พระผู้พิพากษาทรงยืนอยู่หน้าประตูแล้ว
(10) พี่น้องทั้งหลาย จงยึดบรรดาประกาศกซึ่งพูดในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาเป็นแบบฉบับในความพากเพียรอดทนต่อความยากลำบาก
(11) เราเรียกบรรดาผู้ที่พากเพียรอดทนว่าเป็นผู้มีความสุข ท่านได้ยินเรื่องความพากเพียรอดทนของโยบและรู้แล้วว่าในที่สุดองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำสิ่งใดแก่เขา พระองค์ทรงพระเมตตาและทรงพระกรุณาอย่างมาก
(12) พี่น้องทั้งหลาย สิ่งสำคัญที่สุด จงอย่าสาบาน ไม่ว่าโดยอ้างสวรรค์หรืออ้างแผ่นดิน หรืออ้างอะไรอื่นใดทั้งสิ้น ถ้า “ใช่” จงบอกว่า “ใช่” ถ้า “ไม่ใช่” ก็จงบอกว่า “ไม่ใช่” เพื่อท่านจะไม่ถูกพิพากษา
(13) ท่านใดทนทุกข์ จงอธิษฐานภาวนาเถิด ท่านใดร่าเริงยินดี จงร้องเพลงสดุดีเถิด
(14) ท่านใดเจ็บป่วย จงเชิญบรรดาผู้อาวุโสของพระศาสนจักรให้มาอธิษฐานภาวนาเพื่อผู้ป่วย เจิมน้ำมันผู้นั้นในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
(15) คำอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อจะช่วยผู้ป่วยให้รอดชีวิต องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงโปรดให้ผู้ป่วยลุกขึ้น และถ้าเขาเคยกระทำบาป เขาก็จะได้รับการอภัย
(16) ดังนั้น จงสารภาพบาปแก่กัน และจงอธิษฐานให้กันเพื่อท่านจะหายจากโรค คำอ้อนวอนของผู้ชอบธรรมมีพลังทำให้เกิดผลมากมาย
(17) ประกาศกเอลียาห์เป็นมนุษย์ที่มีธรรมชาติเหมือนกับเรา เขาอธิษฐานภาวนาอย่างแรงกล้าขออย่าให้ฝนตก ฝนก็ไม่ตกบนแผ่นดินเป็นเวลาสามปีหกเดือน
(18) เขาอธิษฐานภาวนาอีก ท้องฟ้าก็ให้ฝนและแผ่นดินก็ผลิตพืชผล
(19) พี่น้องทั้งหลาย ถ้าท่านใดหลงผิดไปจากความจริงและอีกคนหนึ่งนำเขากลับมา
(20) จงรู้ไว้เถิดว่า ผู้ที่ช่วยคนบาปให้กลับมาจากทางผิด ก็จะช่วยวิญญาณของตนให้รอดพ้นจากความตาย และจะได้รับการอภัยบาปทั้งมวล

top

back

 

Free Web Hosting