จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโครินธ์
ฉบับที่ 2 |
บทนำ
2คร 1:1-11 คำขึ้นต้นและคำทักทาย การขอบพระคุณ
I. เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
2คร 1:12-24 เปาโลเปลี่ยนแผนการเดินทาง
บทนำ
2คร 1:1-11 คำขึ้นต้นและคำทักทาย การขอบพระคุณ
1(1) จากเปาโล ผู้เป็นอัครสาวกของพระคริสตเยซูตามพระประสงค์ของพระเจ้า
และจากทิโมธี พี่น้องของเรา ถึงพระศาสนจักรของพระเจ้าที่อยู่ในเมืองโครินธ์ และถึงบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทุกคนซึ่งอยู่ทั่วแคว้นอาคายา
(2) ขอพระหรรษทานและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า
สถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด
(3) ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงพระกรุณา
และพระเจ้าผู้ประทานกำลังใจทุกประการ
(4) พระองค์ประทานกำลังใจในความทุกข์ยากต่าง ๆ ของเรา เพราะเราได้รับกำลังใจจากพระเจ้าแล้ว
เราจึงให้กำลังใจผู้มีความทุกข์ทั้งมวลได้
(5) เราได้รับการทรมานร่วมกับพระคริสตเจ้ามากฉันใด เราก็ได้รับกำลังใจเดชะพระคริสตเจ้ามากฉันนั้น
(6) เมื่อเรารับความทุกข์ยาก ท่านก็ได้รับกำลังใจและความรอดพ้น เมื่อเรารับกำลังใจ
ท่านก็ได้รับกำลังใจซึ่งบันดาลให้ท่านมีพละกำลังที่จะอดทนต่อความทุกข์ยากเหมือนกับที่เรากำลังอดทนอยู่
(7) เรามีความหวังอย่างแน่วแน่ในท่านทั้งหลายเพราะเรารู้ว่าท่านมีส่วนร่วมรับความทุกข์ของเราฉันใด
ท่านก็จะมีส่วนร่วมรับกำลังใจพร้อมกับเราด้วยฉันนั้น
(8) พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านรู้ถึงความทุกข์ยากที่เราได้รับเมื่ออยู่ในแคว้นอาเชีย
เราได้รับความทุกข์ยากอย่างล้นเหลือ เกินกำลังของเรา จนกระทั่งเราหมดหวังแม้จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
(9) เรารู้สึกประหนึ่งว่าถูกตัดสินประหารชีวิต ความทุกข์ยากเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อมิให้เราไว้ใจตนเอง
แต่ให้ไว้ใจในพระเจ้าผู้ทรงบันดาลให้ผู้ตายกลับคืนชีพ
(10) พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากอันตรายยิ่งใหญ่ที่จะต้องตาย และพระองค์จะทรงช่วยให้เรารอดพ้นอีก
เรายังมั่นใจว่าพระองค์จะทรงช่วยให้เรารอดพ้นต่อไป
(11) เพราะท่านทั้งหลายอธิษฐานภาวนาเพื่อเรา พระเจ้าจึงประทานพระพรให้เรา เพราะคำอธิษฐานภาวนาของคนจำนวนมาก
คนจำนวนมากจึงขอบพระคุณแทนเรา
I. เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
2คร 1:12-24 เปาโลเปลี่ยนแผนการเดินทาง
(12) เราภูมิใจเพราะมโนธรรมบอกให้เรารู้ว่า เราประพฤติต่อทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อท่านทั้งหลายด้วยเจตนาบริสุทธิ์
และด้วยใจจริงที่มาจากพระเจ้า มิใช่ประพฤติตามความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ แต่ประพฤติตามพระหรรษทานของพระเจ้า
(13) เราเขียนถึงท่านเฉพาะเรื่องที่ท่านอ่านหรือเข้าใจได้
(14) ข้าพเจ้าหวังว่าเมื่อท่านเข้าใจเราแล้วส่วนหนึ่ง ท่านจะเข้าใจอย่างสมบูรณ์ในวันของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราว่า
ท่านภูมิใจในเรา อย่างที่เราภูมิใจในท่าน
(15) ด้วยความมั่นใจเช่นนี้ ข้าพเจ้าจึงตั้งใจจะมาพบท่านก่อนเพื่อท่านจะได้รับพระหรรษทานอีกครั้งหนึ่ง
(16) ต่อจากนั้นข้าพเจ้าจึงจะเดินทางต่อไปยังแคว้นมาซิโดเนีย และจะกลับจากแคว้นมาซิโดเนียมาพบท่าน
เพื่อท่านจะได้ช่วยเหลือให้ข้าพเจ้าเดินทางต่อไปยังแคว้นยูเดีย
(17) แผนการเช่นนี้แสดงว่าจิตใจข้าพเจ้าโลเลกระนั้นหรือ หรือว่าการตัดสินใจของข้าพเจ้าเปลี่ยนไปตามอารมณ์
เช่นเดียวกับที่ประเดี๋ยวบอกว่าจริง ประเดี๋ยวบอกว่าไม่จริงกระนั้นหรือ
(18) พระเจ้าทรงเป็นพยานได้ว่า ถ้อยคำที่เรากล่าวแก่ท่านนั้นมิได้เป็นการบอกทั้งจริงและไม่จริงในเวลาเดียวกัน
(19) พระคริสตเยซูพระบุตรของพระเจ้า ผู้ซึ่งข้าพเจ้า สิลวานัส และทิโมธีประกาศให้ท่านรู้จักนั้น
พระองค์ไม่ตรัสทั้งจริงและไม่จริงพร้อมกัน แต่ตรัสว่าจริงเท่านั้น
(20) พระสัญญาทั้งปวงของพระเจ้า สำเร็จลงในพระองค์ด้วยคำว่า จริง เพราะเหตุนี้เราจึงกล่าวคำว่า
อาเมน โดยทางพระองค์ เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
(21) ผู้ที่ทรงตั้งเราและท่านทั้งหลายในพระคริสตเจ้า
(22) และทรงเจิมเรานั้นคือพระเจ้า พระองค์ทรงประทับตราเราด้วยตราของพระองค์ ประทานพระจิตเจ้าไว้ในดวงใจของเราเป็นเครื่องประกันด้วย
(23) ข้าพเจ้ายอมเสี่ยงชีวิตขานพระนามพระเจ้าให้ทรงเป็นพยานว่า ข้าพเจ้าไม่ได้กลับไปเมืองโครินธ์อีกเพื่อถนอมน้ำใจท่าน
(24) เราไม่บังคับให้ท่านเชื่อ แต่เราร่วมงานกับท่าน เพื่อให้ท่านมีความชื่นชมด้วย
ท่านทั้งหลายมีความเชื่ออย่างมั่นคงอยู่แล้ว
2คร 2:1-11
เปาโลเดินทางจากเมืองโตรอัสมาถึงแคว้นมาซิโดเนีย
2คร 2:12-17 ความสำคัญของงานธรรมทูต
2คร 2:1-11
2(1) ข้าพเจ้าตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มาพบท่าน เพื่อท่านจะไม่ต้องรับความทุกข์อีก
(2) ถ้าข้าพเจ้าทำให้ท่านมีความทุกข์ ใครเล่าจะทำให้ข้าพเจ้ายินดี ถ้าไม่ใช่ผู้ที่ได้รับความทุกข์จากข้าพเจ้า
(3) ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเขียนจดหมายฉบับนั้นถึงท่าน เพื่อข้าพเจ้าจะไม่ต้องมารับความทุกข์จากผู้ที่ควรทำให้ข้าพเจ้ายินดี
ข้าพเจ้ามั่นใจว่า ความยินดีของข้าพเจ้าเป็นความยินดีของทุกท่านด้วย
(4) ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านขณะที่มีความทุกข์มาก ความกังวลใจและน้ำตานองหน้า โดยมิได้มุ่งหมายจะทำให้ท่านเป็นทุกข์
แต่เพื่อให้ท่านรู้ว่าข้าพเจ้ารักท่านมากเพียงใด
(5) ถ้าผู้ใดเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ ผู้นั้นไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์เพียงผู้เดียว
เขาทำให้ทุกท่านมีความทุกข์ด้วยเช่นเดียวกัน
(6) โทษที่ผู้นั้น ได้รับจากบุคคลส่วนใหญ่ก็เพียงพออยู่แล้ว
(7) จึงดีกว่าที่ท่านจะให้อภัยและให้กำลังใจเขา เพื่อเขาจะไม่ต้องรับความทุกข์เกินกว่าที่จะทนได้
(8) ข้าพเจ้าจึงขอร้องท่านให้แสดงความรักต่อเขาอย่างชัดเจน
(9) ข้าพเจ้าเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงท่าน เพื่อทดสอบว่าท่านเชื่อฟังข้าพเจ้าทุกประการหรือไม่
(10) ท่านให้อภัยผู้ใด ข้าพเจ้าให้อภัยผู้นั้นด้วย ถ้ามีสิ่งใดที่ข้าพเจ้าต้องให้อภัยข้าพเจ้าก็ให้อภัยแล้ว
ข้าพเจ้าให้อภัยเพื่อท่านทั้งหลายเฉพาะพระพักตร์ของพระคริสตเจ้า
(11) เพื่อมิให้เราเพลี่ยงพล้ำต่อซาตานเพราะเรารู้จักกลอุบายของซาตานแล้ว
เปาโลเดินทางจากเมืองโตรอัสมาถึงแคว้นมาซิโดเนีย
2คร 2:12-17 ความสำคัญของงานธรรมทูต
(12) เมื่อข้าพเจ้ามาถึงเมืองโตรอัสเพื่อประกาศข่าวดีเรื่องพระคริสตเจ้า แม้องค์พระผู้เป็นเจ้าเปิดโอกาสแก่ข้าพเจ้า
(13) แต่จิตใจของข้าพเจ้าก็ยังไม่สงบ เพราะไม่ได้พบทิตัสน้องชายที่นั่น ข้าพเจ้าจึงอำลาชาวโตรอัส
และเดินทางต่อไปยังแคว้น มาซิโดเนีย
(14) ขอขอบพระคุณพระเจ้า พระองค์ประทานให้เราชนะพร้อมกับพระคริสตเจ้าอยู่เสมอ และโดยทางเรา
พระองค์ทรงเผยแผ่ความรู้เกี่ยวกับพระคริสตเจ้าไปทั่วทุกแห่งประหนึ่งกลิ่นหอม
(15) เราเป็นเสมือนกลิ่นหอมของพระคริสตเจ้าถวายแด่พระเจ้า ในหมู่ผู้ที่กำลังจะรอดพ้น
และในหมู่ผู้ที่กำลังจะพินาศ
(16) สำหรับผู้กำลังจะพินาศนี้ เป็นกลิ่นจากความตาย นำไปสู่ความตาย แต่สำหรับผู้ที่กำลังจะรอดพ้น
เป็นกลิ่นจากชีวิตนำไปสู่ชีวิต ใครเล่าเหมาะสมที่จะทำงานเช่นนี้
(17) เราไม่เหมือนกับคนจำนวนมาก ที่บิดเบือนพระวาจาของพระเจ้า แต่เราพูดในพระคริสตเจ้าด้วยความบริสุทธิ์ใจเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า
ผู้ทรงส่งเรามา
2คร 3:1-18
(1) เรากำลังจะพูดโอ้อวดตนเองอีกแล้วหรือ เราจำเป็นต้องมีจดหมายรับรองถึงท่าน
หรือจำเป็นต้องมีจดหมายรับรองจากท่าน เหมือนบางคนหรือ
(2) ท่านทั้งหลายเป็นจดหมายนั้นที่จารึกไว้ในดวงใจของเราให้มนุษย์ทุกคนรู้และอ่านได้
(3) เป็นที่ชัดเจนว่า ท่านทั้งหลายเป็นจดหมายจากพระคริสตเจ้า เป็นจดหมายที่เราเขียน
มิใช่เขียนด้วยน้ำหมึก แต่เขียนด้วยพระจิตของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต มิได้จารึกไว้บนแผ่นศิลา
แต่จารึกไว้ในดวงใจของมนุษย์ ดุจจารึกบนแผ่นศิลา
(4) เรามีความมั่นใจเช่นนี้ต่อพระเจ้าเดชะพระคริสตเจ้า
(5) ทั้งนี้มิใช่เพราะเราคิดว่าเราทำสิ่งใดได้ด้วยตนเอง แต่การทำได้นั้นมาจากพระเจ้า
(6) พระองค์ทรงทำให้เราเป็นผู้รับใช้พันธสัญญาใหม่ มิใช่พันธสัญญาที่เขียนขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร
แต่เป็นพันธสัญญาของพระจิตเจ้า บัญญัติที่เป็นลายลักษณ์อักษรนั้นนำไปสู่ความตาย
แต่พระจิตเจ้าประทานชีวิต
(7) ถ้าภารกิจที่ทำให้ตาย ซึ่งจารึกเป็นตัวอักษรบนแผ่นศิลา ได้มีความสว่างรุ่งโรจน์จนกระทั่งชาวอิสราเอลมองดูใบหน้าของโมเสสไม่ได้
เพราะใบหน้านั้นมีแสงสว่างรุ่งโรจน์แม้เพียงชั่วขณะ
(8) ภารกิจของพระจิตเจ้าจะมิความสว่างรุ่งโรจน์ยิ่งกว่านั้นอีกหรือ
(9) ถ้าภารกิจที่นำไปสู่การตัดสินลงโทษยังมีความสว่างรุ่งโรจน์แล้ว ภารกิจที่ให้ความชอบธรรมก็ยิ่งจะสว่างรุ่งโรจน์มากกว่านั้น
(10)อันที่จริง สิ่งที่เคยสว่างรุ่งโรจน์มาแล้ว หมดรัศมีเมื่อเทียบกับความสว่างรุ่งโรจน์ที่เหนือกว่า
(11) ถ้าสิ่งที่อยู่ชั่วขณะมีความสว่างรุ่งโรจน์แล้ว สิ่งที่ถาวรก็ยิ่งมีความสว่างรุ่งโรจน์มากกว่านั้น
(12) เรามีความหวังเช่นนี้ เราจึงพูดโดยไม่กลัวสิ่งใด
(13) ไม่เหมือนกับโมเสสซึ่งใช้ผ้าคลุมใบหน้าไว้ เพื่อมิให้ชาวอิสราเอลแลเห็นว่าแสงสว่างรุ่งโรจน์ชั่วขณะหนึ่งนั้นจางหายไปเมื่อใด
(14) แต่ปัญญาของพวกเขากลับมืดมัว จนกระทั่งทุกวันนี้เมื่อมีการอ่านพันธสัญญาเดิม
ผ้าคลุมผืนนั้นยังคงอยู่ ยังไม่ถูกเปิด ผ้าคลุมนั้นจะถูกยกออกไปโดยพระคริสตเจ้าเท่านั้น
(15) จนกระทั่งทุกวันนี้ เมื่ออ่านหนังสือของโมเสสผ้าคลุมก็ยังปิดบังดวงใจของพวกเขาอยู่
(16) แต่เมื่อเขาหันไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ผ้าคลุมนั้นก็จะถูกยกออกไป
(17) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระจิต และพระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่ที่ใด
เสรีภาพย่อมอยู่ที่นั่น
(18) เราทุกคนไม่มีผ้าคลุมใบหน้า จึงสะท้อน แสงสว่างรุ่งโรจน์ ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนกระจกเงา
เปลี่ยนเป็นภาพลักษณ์ เดียวกับพระองค์ ทวีความรุ่งโรจน์ยิ่ง ๆ ขึ้น เดชะองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระจิต
2คร 4:1-6
2คร 4:7-18 ความยากลำบากและความหวังในงานธรรมทูต
2คร 4:1-6
(1) เมื่อเรารับภารกิจนี้จากพระเมตตาของพระเจ้า เราจึงไม่ท้อถอย
(2) เราละทิ้งการกระทำเร้นลับที่น่าอับอาย เรามิได้ใช้เล่ห์กลหลอกลวง และมิได้บิดเบือนพระวาจาของพระเจ้า
ตรงกันข้าม เราประกาศความจริงอย่างเปิดเผยเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า เสนอตนให้มนุษย์ทุกคนตัดสินความประพฤติของเรา
(3) ถ้าข่าวดีที่เราประกาศมีสิ่งใดปิดบัง ก็ปิดบังเฉพาะสำหรับผู้ที่กำลังประสบความพินาศ
(4) คือผู้ที่ไม่มีความเชื่อ ซาตานพระของโลกนี้ ทำให้จิตใจของคนเหล่านั้นมืด เพื่อมิให้เขาแลเห็นแสงสว่างคือข่าวดีเรื่องพระสิริรุ่งโรจน์ของพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้า
(5) เพราะเรามิได้ประกาศเรื่องตนเอง แต่ประกาศว่าพระคริสตเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า
ส่วนเราเป็นเพียงผู้รับใช้ท่านทั้งหลายเพราะความรักต่อพระเยซูเจ้า
(6) พระเจ้าผู้ตรัสว่า ให้แสงสว่างส่องออกมาจากความมืด ก็เป็นผู้ทรงฉายแสงเข้าสู่จิตใจของเรา
เพื่อส่องสว่างให้เรามีความรู้ถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า พระสิริรุ่งโรจน์นี้ปรากฏอยู่บนพระพักตร์ของพระคริสตเจ้า
2คร 4:7-18 ความยากลำบากและความหวังในงานธรรมทูต
(7) เรามีสมบัตินี้เก็บไว้ในภาชนะดินเผา เพื่อแสดงว่าอานุภาพล้ำเลิศนั้นมาจากพระเจ้า
มิใช่มาจากตัวเรา
(8) เราทนทุกข์ทรมานรอบด้าน แต่ไม่อับจน เราจนปัญญา แต่ก็ไม่หมดหวัง
(9) เราถูกเบียดเบียน แต่ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกตีล้มลง แต่ไม่ถึงตาย
(10) เราแบกความตายของพระเยซูเจ้าไว้ในร่างกายของเราอยู่เสมอ เพื่อว่าชีวิตของพระเยซูเจ้าจะปรากฏอยู่ในร่างกายของเราด้วย
(11) ขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่เราเสี่ยงกับความตายอยู่เสมอเพราะความรักต่อพระเยซูเจ้า
เพื่อให้ชีวิตของพระเยซูเจ้าปรากฏชัดในธรรมชาติที่ตายได้ของเรา
(12) ดังนั้น ความตายกำลังทำงานอยู่ในเรา แต่ชีวิตกำลังทำงานอยู่ในท่าน
(13) มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ข้าพเจ้าได้เชื่อ จึงได้พูด เรามีจิตแห่งความเชื่อเดียวกันนี้
เราเชื่อ เราจึงพูด
(14) เพราะรู้ว่าพระองค์ทรงบันดาลให้พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ
ทรงบันดาลให้เรากลับคืนชีพพร้อมกับพระเยซูเจ้าด้วย จะทรงนำเราและท่านทั้งหลายไปอยู่กับพระองค์
(15) เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นสำหรับท่านเพื่อว่าเมื่อพระหรรษทานแผ่ไปถึงคนมากขึ้น
การขอบพระคุณจะทวียิ่งขึ้น เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
(16) เราไม่ท้อถอย แม้ว่าร่างกายภายนอกของเรากำลังเสื่อมสลายไป จิตใจของเราที่อยู่ภายในก็ได้รับการฟื้นฟูขึ้นในแต่ละวัน
(17) ความทุกข์ยากลำบากเล็กน้อยของเราในปัจจุบันนี้กำลังเตรียมเราให้ได้รับสิริรุ่งโรจน์นิรันดรอันยิ่งใหญ่หาที่เปรียบมิได้
(18) เราจึงไม่มุ่งมั่นในสิ่งที่แลเห็นได้ แต่มุ่งมั่นในสิ่งที่แลเห็นไม่ได้ สิ่งที่แลเห็นได้เป็นสิ่งที่คงอยู่ชั่วคราว
แต่สิ่งที่แลเห็นไม่ได้คงอยู่นิรันดร
2คร 5:1-10
2คร 5:11-21 งานธรรมทูตของเปาโล
2คร 5:1-10
(1) เรารู้ว่า เมื่อกระโจมที่เราอาศัยอยู่ในโลกนี้ถูกเก็บไปแล้ว เรายังมีบ้านซึ่งพระเจ้าทรงสร้างไว้สำหรับเรา
เป็นบ้านที่ไม่ได้สร้างด้วยมือมนุษย์ แต่เป็นบ้านถาวรนิรันดรอยู่ในสวรรค์
(2) ตราบใดที่เราอยู่ตามสภาพปัจจุบัน เราก็คร่ำครวญปรารถนาอย่างยิ่งที่จะสวมใส่ร่างกายที่มาจากสวรรค์
(3) ขณะที่ยังสวมร่างกายนี้อยู่ เราไม่เปลือยเปล่า
(4) โดยแท้จริงแล้ว ขณะที่เรายังอยู่ในร่างกายนี้ เรากำลังคร่ำครวญเพราะต้องแบกภาระหนัก
เราไม่ปรารถนาจะถูกปลดเปลื้องจากร่างกายปัจจุบันนี้ แต่ต้องการสวมใส่ร่างกายจากสวรรค์
เพื่อสิ่งที่ตายได้จะถูกชีวิตกลืนเข้าไป
(5) พระเจ้าทรงสร้างเรามาเพื่อจุดประสงค์นี้ และประทานพระจิตเจ้าเป็นเครื่องประกันให้แก่เรา
(6) เรามีความมั่นใจอยู่เสมอและรู้ว่า เมื่อเรามีชีวิตอยู่ในร่างกาย เราก็ถูกเนรเทศห่างจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
(7) เราดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ มิใช่ตามที่มองเห็น
(8) เรามีความมั่นใจและปรารถนาที่จะถูกเนรเทศจากร่างกายมากกว่า เพื่อไปอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้า
(9) ดังนั้น ไม่ว่าเราจะอยู่ในร่างกายหรือถูกเนรเทศจากร่างกาย เราก็มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้เป็นที่พอพระทัย
(10) เพราะเราทุกคนจะต้องปรากฏเฉพาะพระบัลลังก์ของพระคริสตเจ้า เพื่อแต่ละคนจะได้รับสิ่งตอบแทนสมกับที่ได้กระทำเมื่อยังมีชีวิตอยู่ในร่างกาย
ขึ้นอยู่กับการกระทำนั้นว่าจะดีหรือชั่ว
2คร 5:11-21 งานธรรมทูตของเปาโล
(11) เรารู้ว่าความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าคืออะไร เราจึงพยายามชักชวนบุคคลทั้งหลายให้เห็นความจริง
เราไม่มีสิ่งใดต้องปิดบังพระเจ้า และเราหวังว่าไม่มีสิ่งใดปิดบังมโนธรรมของท่านด้วย
(12) เรามิได้รับรองตนเองแก่ท่าน แต่ต้องการให้ท่านมีโอกาสที่จะภูมิใจในเรา เพื่อท่านจะตอบผู้ที่โอ้อวดตนเองในสิ่งที่ปรากฏภายนอกได้โดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริงที่อยู่ภายใน
(13) ถ้าเราเสียสติไปบ้าง เราก็เสียสติเพื่อพระเจ้า ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะ เราก็มีสติเพื่อท่านทั้งหลาย
(14) เพราะความรักของพระคริสตเจ้าผลักดันเรา เราแน่ใจว่า ถ้าคนหนึ่งตายเพื่อทุกคน
ก็เหมือนกับว่าทุกคนได้ตายด้วย
(15) พระองค์สิ้นพระชนม์แทนทุกคน เพื่อผู้ที่มีชีวิตจะได้ไม่มีชีวิตเพื่อตนเองอีกต่อไป
แต่มีชีวิตเพื่อพระองค์ผู้ได้สิ้นพระชนม์ และทรงกลับคืนพระชนมชีพเพื่อเขา
(16) ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราจะไม่พิจารณาผู้ใดตามมาตรฐานมนุษย์อีก แม้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยพิจารณาพระคริสตเจ้าตามมาตรฐานมนุษย์
แต่บัดนี้เราไม่พิจารณาพระองค์ตามมาตรฐานนี้อีกต่อไป
(17) ดังนั้น ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสตเจ้า ผู้นั้นก็เป็นสิ่งสร้างใหม่ สภาพเก่าผ่านพ้นไป
สภาพใหม่เกิดขึ้นแล้ว
(18) ทุกสิ่งมาจากพระเจ้า พระองค์ทรงทำให้เราคืนดีกับพระองค์เดชะพระคริสตเจ้า และทรงมอบภารกิจการคืนดีนี้ให้กับเรา
(19) กล่าวคือ พระเจ้าทรงทำให้โลกคืนดีกับพระองค์ในองค์พระคริสตเจ้า พระองค์มิได้ทรงเอาผิดกับมนุษย์
แต่ทรงมอบให้เราประกาศสารแห่งการคืนดีนี้
(20) ดังนั้น เราจึงเป็นทูตแทนพระคริสตเจ้า ประหนึ่งว่าพระเจ้าทรงใช้เราให้เชิญชวนท่านทั้งหลาย
เราจึงขอร้องแทนพระคริสตเจ้าว่า จงยอมคืนดีกับพระเจ้าเถิด
(21) เพราะเห็นแก่เราพระเจ้าทรงทำให้พระองค์ผู้ไม่รู้จักบาปเป็นผู้รับบาป เพื่อว่าในพระองค์เราจะได้กลายเป็นผู้ชอบธรรมของพระเจ้า
2คร 6:1-10
2คร 6:11-18 คำเตือน
2คร 6:1-10
(1) ในฐานะผู้ร่วมงานของพระเจ้า เราขอร้องท่านทั้งหลาย อย่าเพียงแต่รับพระหรรษทานของพระองค์ไว้โดยไม่เกิดผล
(2) พระองค์ตรัสว่า ในเวลาที่เหมาะสม เราได้รับฟังท่านและในวันแห่งความรอดพ้น
เราได้ช่วยเหลือท่าน ขณะนี้คือเวลาที่เหมาะสม ขณะนี้คือวันแห่งความรอดพ้น
(3) เราไม่เป็นอุปสรรคกีดขวางทางของใคร เพื่อมิให้ใครตำหนิงานรับใช้ของเรา
(4) แต่เราแสดงตนเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าในทุกกรณีด้วยความอดทนอย่างมาก ในความทุกข์ยาก
ความขัดสน ความคับแค้น
(5) การถูกโบยตี การถูกจองจำ การจลาจล ความเหน็ดเหนื่อยจากการงาน การอดนอนการอดอาหาร
(6) เราแสดงตนเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าด้วยความบริสุทธิ์ใจ ความรู้ ความเพียรอดทน
ความใจดี ความช่วยเหลือของพระจิตเจ้า ความรักที่ไม่เสแสร้ง
(7) ถ้อยคำสัตย์จริงและด้วยพระอานุภาพของพระเจ้า โดยใช้ความชอบธรรมเป็นอาวุธทั้งมือซ้ายและมือขวา
(8) ทั้งยามมีเกียรติ และยามไร้เกียรติ ทั้งเมื่อถูกกล่าวร้ายและกล่าวดี เราถูกกล่าวหาว่าเป็นคนหลอกลวง
แต่เราก็พูดความจริง
(9) เราถูกกล่าวหาว่าไม่มีใครรู้จัก แต่เราก็มีคนรู้จักมาก เหมือนกับคนกำลังจะตาย
แต่เราก็ยังมีชีวิต เหมือนคนถูกลงโทษ แต่เราก็ไม่ถูกประหาร
(10) เหมือนกับเป็นคนมีความทุกข์ แต่ชื่นชมเสมอ เหมือนกับเป็นคนยากจน แต่เราก็ทำให้คนจำนวนมากมั่งมี
เหมือนกับคนที่ไม่มีอะไรเลย แต่เราก็มีทุกอย่าง
2คร 6:11-18 คำเตือน
(11) พี่น้องชาวโครินธ์ทั้งหลาย เราพูดกับท่านอย่างตรงไปตรงมาและอย่างเปิดเผย
(12) เรามิได้ปิดใจต่อท่าน แต่ท่านกลับปิดใจไม่รักเรา
(13) ข้าพเจ้าพูดเหมือนพูดกับลูก ๆ ว่า จงรักตอบเราเถิด จงเปิดใจให้กว้างด้วย
(14) อย่าสมาคมกับผู้ไม่มีความเชื่อ ความชอบธรรมและความไม่ชอบธรรมมีอะไรร่วมกันบ้าง
แสงสว่างและความมืดอยู่ด้วยกันได้อย่างไร
(15) พระคริสตเจ้าและ เบลีอาร์ จะเข้ากันได้อย่างไร ผู้มีความเชื่อและผู้ไม่มีความเชื่อจะมีอะไรร่วมกันได้หรือ
(16) พระวิหารของพระเจ้าและรูปเคารพจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร นั่นคือสิ่งที่เราเป็น
เราคือพระวิหารของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต พระองค์ตรัสไว้เช่นนี้ว่า เราจะพำนักอยู่และจะดำเนินไปกับพวกเขา
เราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา
(17) ดังนั้น ท่านจงออกจากกลุ่มชนเหล่านั้น แยกตัวจากเขา พระเจ้าตรัส อย่าแตะต้องสิ่งใดที่มีมลทิน
เราจะต้อนรับท่าน
(18) เราจะเป็นเหมือนบิดาของท่าน และท่านจะเป็นเหมือนบุตรและธิดาของเรา พระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพตรัสดังนี้
2คร 7:1-4
2คร 7:5-16 ทิตัสมาสมทบกับเปาโลที่แคว้นมาซิโดเนีย
2คร 7:1-4
(1) พี่น้องที่รักยิ่ง เมื่อเรามีพระสัญญาเช่นนี้ เราจงชำระล้างตนให้สะอาดจากมลทินทั้งร่างกายและจิตใจ
จงยำเกรงพระเจ้า จงพยายามทำตนให้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ๆ ขึ้น
(2) จงเปิดใจให้เราเถิด เราไม่ได้ทำผิดต่อใคร ไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ได้เอาเปรียบใคร
(3) ข้าพเจ้าพูดเช่นนี้ มิใช่เพื่อกล่าวโทษผู้ใด เพราะข้าพเจ้าบอกแล้วว่า ท่านอยู่ในใจของเรา
ร่วมเป็นร่วมตายกับเรา
(4) ข้าพเจ้ากล้าพูดกับท่านอย่างตรงไปตรงมาข้าพเจ้ามีความภูมิใจในท่านเป็นอย่างมากแม้จะประสบความยากลำบากทุกอย่าง
ข้าพเจ้าก็มีกำลังใจและมีความยินดีเต็มเปี่ยม
2คร 7:5-16 ทิตัสมาสมทบกับเปาโลที่แคว้นมาซิโดเนีย
(5) เมื่อเรามาถึงแคว้นมาซิโดเนียนั้น เราไม่มีความสงบสุข มีแต่ความทุกข์รอบด้าน
มีการต่อสู้ภายนอก และมีความกลัวภายใน
(6) แต่พระเจ้า ผู้ทรงให้กำลังใจผู้ท้อแท้ทรงให้กำลังใจเราเมื่อทิตัสมาถึง
(7) กำลังใจที่เราได้รับนั้นมิได้เกิดจากการที่เขามาถึงเท่านั้น แต่เกิดจากข่าวดีเกี่ยวกับท่านด้วย
เขาเล่าให้เราฟังถึงความปรารถนา ความเสียใจและความห่วงใยที่ท่านมีต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงรู้สึกยินดีมากยิ่งขึ้น
(8) แม้ว่าข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนในจดหมาย ทำให้ท่านเป็นทุกข์ใจ ข้าพเจ้าก็ไม่เสียใจ
แม้ข้าพเจ้าจะเสียใจบ้าง เพราะจดหมายนั้นทำให้ท่านเป็นทุกข์ใจชั่วระยะเวลาหนึ่ง
(9) บัดนี้ ข้าพเจ้ามีความยินดี ไม่ใช่เพราะท่านได้มีความทุกข์ แต่เพราะความทุกข์นั้นทำให้ท่านกลับใจ
ความทุกข์ใจของท่านเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า ดังนั้น ท่านจึงไม่ได้รับความเสียหายใด
ๆ จากเรา
(10) ความทุกข์ใจตามพระประสงค์ของพระเจ้าทำให้กลับใจ ทำให้รอดพ้น จึงไม่มีผู้ใดเสียใจ
ส่วนความทุกข์ใจของโลกนำไปสู่ความตาย
(11) ความทุกข์ใจตามพระประสงค์ของพระเจ้าก่อให้เกิดผลดีหลายประการแก่ท่าน เช่น
ความเอื้ออาทร การป้องกันตน ความไม่พอใจ ความกลัว ความปรารถนา ความกระตือรือร้น
การลงโทษผู้ผิด ท่านได้พิสูจน์ตนเองแล้วว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในทุกเรื่องเหล่านี้
(12) แม้ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน ข้าพเจ้าก็ไม่ได้เขียนเพื่อ กล่าวหาผู้กระทำผิด หรือเพื่อป้องกันผู้ถูกดูหมิ่น
แต่ข้าพเจ้าเขียนเพื่อท่านจะได้เห็นความเอื้ออาทรที่ท่านมีต่อเราเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า
(13) ด้วยเหตุผลเหล่านี้ เราจึงมีกำลังใจยิ่งขึ้น เราไม่เพียงได้รับกำลังใจเท่านั้น
เรายังมีความชื่นชมยิ่งขึ้นที่ทิตัสมีความยินดีเพราะท่านทำให้จิตใจของเขาสงบ
(14) ถ้าข้าพเจ้าโอ้อวดเรื่องใดเกี่ยวกับท่านให้เขาฟังแล้ว ข้าพเจ้าก็ไม่อับอายเลย
ตรงกันข้าม ทุกสิ่งที่เราพูดกับท่านเป็นความจริงฉันใด สิ่งที่เราโอ้อวดกับทิตัสก็ปรากฏเป็นความจริงฉันนั้น
(15) ความรักที่เขามีต่อท่านยิ่งทวีขึ้น เมื่อเขาระลึกว่าทุกท่านเชื่อฟังและเอาใจใส่ต้อนรับเขาด้วยความเคารพ
(16) ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ข้าพเจ้าเชื่อใจท่านได้ในทุกเรื่อง
II. การจัดเก็บเงินบริจาค
2คร 8:1-15 ชาวโครินธ์ควรมีใจกว้าง
2คร 8:16-24 ผู้แทนของเปาโล
II. การจัดเก็บเงินบริจาค
2คร 8:1-15 ชาวโครินธ์ควรมีใจกว้าง
(1) พี่น้องทั้งหลาย เราใคร่จะให้ท่านรู้เรื่องพระหรรษทาน ซึ่งพระเจ้าประทานให้แก่พระศาสนจักรต่าง
ๆ ในแคว้นมาซิโดเนีย
(2) แม้เขาต้องทนทุกข์แสนสาหัส เขาก็ยังมีความสุขอย่างยิ่ง แม้จะยากจนแสนเข็ญเขาก็ยังมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างล้นเหลือ
(3) ข้าพเจ้าเป็นพยานได้ว่า เขาบริจาคด้วยความสมัครใจตามกำลังความสามารถ และเกินกำลังความสามารถอีกด้วย
(4) เขายังอ้อนวอนเราหลายครั้งให้เขามีสิทธิร่วมรับใช้บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ด้วย
(5) เขาทำยิ่งกว่าที่เราคาดหมายไว้ เขาถวายตนแด่พระเจ้าก่อน แล้วจึงมอบตนให้กับเราตามพระประสงค์ของพระเจ้า
(6) เราจึงขอร้องทิตัสให้จัดการกุศลนี้ต่อไปจนสำเร็จในหมู่ท่านทั้งหลายดังที่เขาได้เริ่มไว้แล้ว
(7) เมื่อท่านมีทุกสิ่งบริบูรณ์ คือความเชื่อ การพูด ความรู้ ความกระตือรือร้นและความรักที่ท่านมีต่อเรา
ท่านก็ควรจะดีพร้อมในการกุศลนี้ด้วย
(8) ข้าพเจ้าพูดเช่นนี้มิใช่เป็นการบังคับ แต่เป็นการเล่าถึงความกระตือรือร้นของผู้อื่นเพื่อพิสูจน์ว่าความรักของท่านนั้นมีจริง
(9) ท่านรู้แล้วถึงพระกรุณาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา แม้ทรงร่ำรวย
พระองค์ก็ยังทรงยอมกลายเป็นคนยากจนเพราะเห็นแก่ท่าน เพื่อท่านจะได้ร่ำรวยเพราะความยากจนของพระองค์
(10) เรื่องนี้ข้าพเจ้าขอให้คำแนะนำซึ่งจะเป็นประโยชน์กับท่าน ตั้งแต่ปีที่แล้วท่านเป็นคนแรกในด้านการดำเนินการ
และเป็นคนแรกที่ต้องการโครงการนี้
(11) บัดนี้ ท่านจงดำเนินการให้สำเร็จ ท่านเคยมีความกระตือรือร้นที่จะเริ่มโครงการฉันใด
จงดำเนินการให้สำเร็จตามความสามารถฉันนั้นเถิด
(12) ถ้าเรามีน้ำใจ พระเจ้าก็พอพระทัยรับสิ่งที่เราบริจาคตามที่เรามี มิใช่ตามที่เราไม่มี
(13) การบริจาคมิได้มีจุดมุ่งหมายให้ท่านต้องยากจนลงในการช่วยเหลือผู้อื่น แต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อความเสมอภาคกัน
(14) ในยามที่ท่านมีความบริบูรณ์ เช่นเวลานี้ ท่านควรช่วยเหลือผู้อื่นที่ขัดสน
และเช่นเดียวกันในยามที่เขามีความบริบูรณ์ เขาจะช่วยเหลือเมื่อท่านขัดสนด้วย จึงจะมีความเท่าเทียมกัน
(15) ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ผู้ที่เก็บได้มาก ไม่มีสิ่งใดเหลือเฟือ
ส่วนผู้ที่เก็บได้น้อยก็ไม่มีสิ่งใดขาดแคลน
2คร 8:16-24 ผู้แทนของเปาโล
(16) ขอบพระคุณพระเจ้าผู้ประทานให้ดวงใจของทิตัสห่วงใยท่านทั้งหลายเช่นเดียวกับที่เราห่วงใย
(17) เขาได้รับคำชักชวนของเราและออกเดินทางมาพบท่านด้วยความสมัครใจและด้วยความกระตือรือร้น
(18) เราส่งพี่น้องคนหนึ่งมาพร้อมกับเขา พี่น้องคนนี้ได้รับคำชมจากพระศาสนจักรทุกแห่งในเรื่องการประกาศข่าวดี
(19) นอกจากนั้น พระศาสนจักรต่าง ๆ ยังเลือกเขาให้เป็นเพื่อนร่วมทางของเรา เพื่องานรับบริจาคครั้งนี้ด้วย
งานรับบริจาคนี้เป็นงานที่เรากำลังอุทิศตนดำเนินการอยู่เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเพื่อแสดงความตั้งใจของเรา
(20) เราพยายามหลีกเลี่ยงมิให้ผู้ใดตำหนิเราในการจัดการเงินจำนวนมากนี้
(21) เราตั้งใจที่จะทำความดี มิใช่เฉพาะพระพักตร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น
แต่ต่อหน้ามนุษย์อีกด้วย
(22) เรายังส่งพี่น้องอีกคนหนึ่ง มาพร้อมกับสองคนนี้ เราพิสูจน์ได้หลายครั้งในหลายกรณีแล้วว่าเขามีความเอาใจใส่การงาน
บัดนี้ ความเอาใจใส่ของเขายิ่งมีมากขึ้น เพราะเขาเชื่อใจท่านอย่างมาก
(23) ทิตัสนั้นเป็นทั้งเพื่อนและผู้ร่วมงานของข้าพเจ้าเพื่อท่านทั้งหลาย ส่วนพี่น้องอีกสองคนนั้นเป็นผู้แทนของพระศาสนจักรต่าง
ๆ และเป็นเกียรติมงคลของพระ คริสตเจ้า
(24) ดังนั้น ท่านจงแสดงต่อหน้าพระศาสนจักรทั้งหลายว่า ท่านรักพวกเขาอย่างแท้จริง
และที่เราภูมิใจท่านนั้นถูกต้อง
2คร 9:1-5
2คร 9:6-15 พระพรจากการบริจาค
2คร 9:1-5
(1) ข้าพเจ้าไม่จำเป็นต้องเขียนถึงท่าน เรื่องความช่วยเหลือบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์
(2) เพราะข้าพเจ้ารู้ดีถึงความกระตือรือร้นของท่าน และข้าพเจ้าโอ้อวดท่านแก่ชาว
มาซิโดเนียว่า ชาวแคว้นอาคายาพร้อมที่จะบริจาคตั้งแต่ปีที่แล้ว ความกระตือรือร้นของท่านจูงใจพวกเขาส่วนมากให้บริจาคด้วย
(3) ข้าพเจ้าส่งบรรดาพี่น้องเหล่านี้ไป เพื่อให้คำโอ้อวดของเราเกี่ยวกับท่านในเรื่องนี้เป็นความจริง
เพื่อให้ท่านพร้อมที่จะบริจาคดังที่ข้าพเจ้าได้พูดไว้
(4) มิฉะนั้น ถ้าชาวมาซิโดเนียบางคนมากับข้าพเจ้า และพบว่าท่านไม่พร้อม ไม่เพียงท่านเท่านั้นที่ต้องอับอาย
เราก็จะต้องอับอายเพราะเราเชื่อใจท่าน
(5) ข้าพเจ้าจึงคิดว่าจำเป็นที่จะต้องขอร้องบรรดาพี่น้องให้ไปพบท่านล่วงหน้า และให้จัดเตรียมของถวายที่ท่านเคยสัญญาไว้แล้วให้พร้อม
เพื่อจะเป็นของถวายจากใจจริงมิใช่ให้อย่างเสียมิได้
2คร 9:6-15 พระพรจากการบริจาค
(6) ผู้ที่หว่านเมล็ดพืชเพียงเล็กน้อย ก็จะเก็บเกี่ยวได้เพียงเล็กน้อย ผู้ที่หว่านเมล็ดพืชมากก็จะเก็บเกี่ยวได้มาก
(7) แต่ละคนจงให้ตามที่ตั้งใจไว้ มิใช่ให้โดยนึกเสียดาย มิใช่ให้โดยฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักผู้ที่ให้ด้วยใจยินดี
(8) พระเจ้าประทานพระหรรษทานทุกประการแก่ท่านได้อย่างอุดม เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งเพียงพอ
(9) และยังมีเหลือเฟือสำหรับกิจการดีทุกประการอีกด้วย ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
เขาเอื้อเฟื้อแจกจ่าย เขาให้แก่คนยากจน ความชอบธรรมของเขาดำรงอยู่ตลอดนิรันดร
(10) พระองค์ผู้ประทานเมล็ดพืชแก่ผู้หว่านและประทานอาหารเลี้ยงชีวิตจะทรงจัดหาและทรงทวีเมล็ดพืชที่ท่านหว่าน
และจะทรงเพิ่มพูนผลแห่งความชอบธรรมของท่านด้วย
(11) ท่านจะมั่งคั่งบริบูรณ์ทุกประการ เพื่อจะแจกจ่ายได้อย่างใจกว้าง ทานบริจาคของท่านซึ่งเราจะจัดแจกนี้จะทำให้มีการขอบพระคุณพระเจ้า
(12) การบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการของบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์
แต่ยังบังเกิดผลมากมาย
(13) การบริจาคนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าท่านเชื่อฟังข่าวดีของพระคริสตเจ้า เพราะคนจำนวนมากจะขอบพระคุณพระเจ้า
ดังที่ท่านประกาศยืนยันความเชื่อ ทุกคนจะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเพราะความใจกว้างที่ทำให้ท่านแบ่งปันทรัพย์สินกับพวกเขาและกับทุกคน
(14) เขาจะอธิษฐานภาวนาขอเพื่อท่าน และจะแสดงความรักต่อท่าน เพราะพระหรรษทานล้ำเลิศที่พระเจ้าประทานให้ท่าน
(15) ขอขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับของประทานของพระองค์ที่อยู่เหนือคำบรรยายทั้งปวง
III. เปาโลแก้ข้อกล่าวหา
2คร 10:1-11เปาโลตอบโต้ผู้กล่าวหาว่าท่านเป็นคนอ่อนแอ
2คร 10:12-18 เปาโลตอบโต้ผู้กล่าวหาท่านเป็นคนทะเยอทะยาน
III. เปาโลแก้ข้อกล่าวหา
2คร 10:1-11เปาโลตอบโต้ผู้กล่าวหาว่าท่านเป็นคนอ่อนแอ
(1) ข้าพเจ้าเปาโลขอร้องท่านทั้งหลายด้วยความอ่อนโยนและด้วยพระทัยดีของพระคริสตเจ้า
ข้าพเจ้าถูกกล่าวหาว่าถ่อมตนเมื่ออยู่ต่อหน้า แต่ใจกล้าเมื่ออยู่ห่างไกล
(2) จึงขอร้องท่านอย่าให้ข้าพเจ้าแสดงใจกล้าเมื่อจะมาพบท่าน เพราะข้าพเจ้ามั่นใจว่าจะมีใจกล้าต่อผู้ที่คิดว่าความประพฤติของเราเป็นไปตามมาตรฐานมนุษย์
(3) เราเป็นมนุษย์ก็จริง แต่เราไม่ต่อสู้ตามวิธีการของมนุษย์
(4) อาวุธที่เราใช้ต่อสู้ไม่ใช่อาวุธตามธรรมชาติ แต่เป็นอาวุธที่มีอานุภาพจากพระเจ้า
ทำลายป้อมปราการได้ เราทำลายความคิด
(5) และความหยิ่งยโส ซึ่งยกตัวขึ้นต่อสู้กับความรู้ของพระเจ้าได้ เราปรับความคิดทุกอย่างให้มาอ่อนน้อมเชื่อฟังพระคริสตเจ้า
(6) เมื่อท่านเชื่อฟังอย่างดีแล้ว เราก็พร้อมที่จะลงโทษความไม่เชื่อฟังทุกอย่าง
(7) จงมองดูให้เต็มตาเถิด ถ้าผู้ใดมั่นใจว่าเขาเป็นของพระคริสตเจ้า ก็ให้เขาระลึกด้วยว่า
เขาเป็นคนของพระคริสตเจ้าฉันใด เราก็เป็นคนของพระคริสตเจ้าฉันนั้น
(8) แม้ข้าพเจ้าจะโอ้อวดตนเองเกินไปบ้างในอำนาจที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่เราเพื่อเสริมสร้างไม่ใช่เพื่อทำลายท่าน
ข้าพเจ้าก็จะไม่อับอายที่จะใช้อำนาจนั้น
(9) มิใช่เพื่อให้ท่านคิดว่าข้าพเจ้าเขียนจดหมายข่มขู่ให้ท่านเกรงกลัว
(10) บางคนพูดว่า จดหมายของเขาดุดัน แข็งกร้าว แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้า เขากลับอ่อนแอและคำพูดไม่ประทับใจ
(11) ผู้พูดเช่นนี้จงคิดเถิดว่า เราพูดเช่นใดทางจดหมายเมื่ออยู่ห่างไกล เราก็จะกระทำเช่นนั้นเมื่อมาอยู่กับท่านด้วย
2คร 10:12-18 เปาโลตอบโต้ผู้กล่าวหาท่านเป็นคนทะเยอทะยาน
(12) เราไม่กล้ายกตนขึ้นมาเทียบเคียงหรือเปรียบเทียบกับบางคนที่ยกย่องตนเอง ผู้ที่ใช้ตนเองเป็นมาตรฐานในการวัดหรือเปรียบเทียบตนเองนั้น
ไม่ฉลาดเลย
(13) ตรงกันข้าม เราจะไม่โอ้อวดจนเกินขอบเขต ที่พระเจ้าทรงวางไว้สำหรับเรา นั่นคือ
พระองค์ทรงกำหนดให้เราเดินทางมาถึงท่าน
(14) เราคงโอ้อวดเกินขอบเขต ถ้าเราไม่ได้มาถึงท่าน แต่ในความเป็นจริง เรามาถึงท่านก่อนผู้อื่น
เพื่อประกาศข่าวดีของพระคริสตเจ้า
(15) เราไม่ได้นำความเหน็ดเหนื่อยของผู้อื่นมาโอ้อวดจนเกินขอบเขต แต่เราก็หวังว่าเมื่อความเชื่อของท่านเพิ่มมากขึ้นแล้ว
ขอบเขตงานของเราก็จะขยายออกไปอย่างมากด้วย
(16) เพื่อเราจะประกาศข่าวดีเกินจากขอบเขตของท่านออกไป และไม่ต้องโอ้อวดในงานที่คนอื่นทำไว้แล้ว
(17) ผู้ใดต้องการโอ้อวด ขอให้ผู้นั้นโอ้อวดในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
(18) ผู้ที่สมควรได้รับการรับรองมิใช่ผู้ที่ยกย่องตนเอง แต่เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงยกย่อง
2คร 11:1-33 เปาโลป้องกันตนเอง
(1) ขอให้ท่านอดทนต่อความโง่เขลาของข้าพเจ้าสักเล็กน้อย แต่ความจริงท่านก็อดทนอยู่แล้ว
(2) ข้าพเจ้าหวงแหนท่านทั้งหลายอย่างที่พระเจ้าทรงหวงแหน เพราะข้าพเจ้าหมั้นท่านไว้กับชายคนเดียวเพื่อถวายประดุจพรหมจารีบริสุทธิ์แด่พระคริสตเจ้า
(3)แต่ข้าพเจ้าเกรงว่างูหลอกลวงนางเอวาด้วยกลอุบายของมันฉันใด ความคิดของท่านอาจถูกหลอกลวงให้หันไปจากความซื่อสัตย์และบริสุทธิ์
ต่อพระ คริสตเจ้าฉันนั้น
(4) เพราะถ้าผู้ใดมาประกาศพระเยซูเจ้าอีกองค์หนึ่ง แตกต่างไปจากองค์ที่เราได้ประกาศ
หรือถ้าท่านได้รับพระจิตเจ้าอีกองค์หนึ่งซึ่งต่างไปจากองค์ที่ท่านได้รับ หรือรับข่าวดีแตกต่างไปจากข่าวดีที่ท่านได้รับ
ท่านก็ยอมรับได้อย่างง่ายดาย
(5) ข้าพเจ้าคิดว่า ตนเองไม่ด้อยไปกว่าบรรดาอัครสาวกชั้นพิเศษเหล่านั้นแม้แต่น้อย
(6) แม้ข้าพเจ้าจะพูดไม่เก่ง ข้าพเจ้าก็มีความรู้ดี เราแสดงความจริงข้อนี้ให้เป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่ท่านทั้งหลายแล้วในทุกกรณี
(7) ข้าพเจ้าทำผิดหรือไม่ที่ถ่อมตนเพื่อยกย่องท่าน เมื่อข้าพเจ้าประกาศข่าวดีของพระเจ้าให้กับท่านทั้งหลายโดยไม่คิดค่าจ้าง
(8) ข้าพเจ้าปล้นพระศาสนจักรอื่น ๆ ยอมรับค่าจ้างจากเขาเพื่อมารับใช้ท่าน
(9) เมื่อข้าพเจ้าอยู่กับท่านทั้งหลาย และมีความจำเป็นต้องใช้จ่าย ข้าพเจ้าไม่เคยเป็นภาระให้ผู้ใด
เพราะบรรดาพี่น้องที่มาจากแคว้นมาซิโดเนียจุนเจือข้าพเจ้าตามความต้องการ ข้าพเจ้าพยายามที่จะไม่เป็นภาระแก่ท่านในทุก
ๆ เรื่อง และจะพยายามทำเช่นนี้ต่อไป
(10) ความจริงของพระคริสตเจ้าอยู่ในข้าพเจ้าแน่นอนฉันใด จะไม่มีผู้ใดห้ามข้าพเจ้ามิให้โอ้อวดตนเองในเรื่องนี้ในดินแดนแคว้นอาคายาได้ฉันนั้น
(11) เพราะเหตุใดเล่า เพราะข้าพเจ้ามิได้รักท่านกระนั้นหรือ พระเจ้าทรงทราบดีว่าข้าพเจ้ารักท่าน
(12) ข้าพเจ้าทำเช่นนี้และจะทำต่อไป เพื่อตัดโอกาสผู้ที่ต้องการโอ้อวดแสดงตนว่าเท่าเทียมกับเรา
(13) คนเหล่านี้เป็นอัครสาวกปลอม เป็นผู้ทำงานหลอกลวงที่ปลอมตนเป็นอัครสาวกของพระคริสตเจ้า
(14) ไม่ต้องแปลกใจ ซาตานก็ยังปลอมเป็นทูตแห่งแสงสว่างได้
(15) จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ถ้าคนใช้ของมันจะปลอมเป็นผู้รับใช้ความชอบธรรม
จุดจบของเขาจะเป็นไปตามกิจการที่เขากระทำ
(16) ข้าพเจ้าขอพูดซ้ำอีกครั้งหนึ่งว่า อย่าให้ใครคิดว่าข้าพเจ้าโง่เขลา แต่ถ้าท่านคิดเช่นนั้น
ก็จงรับข้าพเจ้าเหมือนกับรับคนโง่เขลาคนหนึ่งเถิด เพื่อข้าพเจ้าจะโอ้อวดบ้างสักเล็กน้อย
(17) สิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังจะพูดนี้ ข้าพเจ้ามิได้พูดตามพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
แต่เป็นการพูดอย่างคนโง่เขลาด้วยความมั่นใจว่า ข้าพเจ้ามีเหตุผลที่จะโอ้อวด
(18) เมื่อหลายคนโอ้อวดตามธรรมชาติของมนุษย์ ข้าพเจ้าก็จะโอ้อวดด้วย
(19) ทั้ง ๆ ที่เป็นคนฉลาด ท่านก็ยังเต็มใจอดทนคนโง่เขลา
(20) ท่านอดทนผู้ทำให้ท่านเป็นทาส อดทนผู้กินแรงท่าน อดทนผู้เอาเปรียบท่าน อดทนผู้ยกตนข่มท่าน
อดทนผู้ตบหน้าท่าน
(21) ข้าพเจ้าพูดด้วยความอับอายว่า เราช่างอ่อนแอยิ่งนัก ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะกล้าโอ้อวดเรื่องใด
ข้าพเจ้าพูดอย่างคนโง่เขลาว่าข้าพเจ้าก็กล้าโอ้อวดด้วย
(22) เขาเป็นชาวฮีบรูหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนกัน เขาเป็นชาวอิสราเอลหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นเช่นเดียวกัน
เขาเป็นเชื้อสายของอับราฮัมหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นด้วย
(23) เขาเป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้าหรือ ข้าพเจ้าพูดอย่างคนเสียสติว่าข้าพเจ้าเป็นมากกว่าเขาเสียอีก
ข้าพเจ้าลำบากตรากตรำมากกว่าเขา ถูกจองจำมากกว่าเขา ถูกโบยตีมากกว่าเขาจนนับครั้งไม่ถ้วน
ต้องเผชิญกับความตายหลายครั้ง
(24) ข้าพเจ้าถูกชาวยิวลงแส้ห้าครั้ง ครั้งละสามสิบเก้าที
(25) ข้าพเจ้าถูกชาวโรมันเฆี่ยนตีสามครั้ง ถูกขว้างด้วยหินหนึ่งครั้ง เรืออับปางสามครั้ง
ลอยคออยู่กลางทะเลหนึ่งคืนกับหนึ่งวัน
(26) ข้าพเจ้าต้องเดินทางเสมอ ต้องเผชิญอันตรายในแม่น้ำ อันตรายจากโจรผู้ร้าย อันตรายจากเพื่อนร่วมชาติ
อันตรายจากคนต่างชาติ อันตรายในเมือง อันตรายในถิ่นทุรกันดาร อันตรายในทะเล อันตรายจากพี่น้องทรยศ
(27) ข้าพเจ้าต้องทำงานเหน็ดเหนื่อยลำบากตรากตรำ อดนอนบ่อย ๆ ต้องหิวกระหาย ต้องอดอาหารหลายครั้ง
ต้องทนหนาว ไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่
(28) นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว ข้าพเจ้ายังถูกบีบคั้นทุกวัน นั่นคือเป็นห่วงพระศาสนจักรทุกแห่ง
(29) ใครบ้างอ่อนแอ และข้าพเจ้ามิได้อ่อนแอด้วย ใครบ้างถูกชักนำทำให้ทำบาป และข้าพเจ้าไม่เป็นทุกข์ด้วย
(30) ถ้าจำเป็นจะต้องโอ้อวด ข้าพเจ้าจะโอ้อวดในเรื่องที่แสดงถึงความอ่อนแอของข้าพเจ้า
(31) พระเจ้าและพระบิดาของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์ทรงรับพระพรตลอดนิรันดร
ทรงทราบว่าข้าพเจ้าไม่พูดเท็จ
(32) ที่เมืองดามัสกัส ผู้ว่าราชการของกษัตริย์อาเรทัสสั่งให้ทหารยามล้อมเมืองดามัสกัสเพื่อจับกุมข้าพเจ้า
(33) แต่เขาจับข้าพเจ้าใส่เข่งหย่อนลงมาจากหน้าต่างของกำแพงเมือง ข้าพเจ้าจึงหลุดพ้นจากอำนาจของเขา
2คร 12:1-18
2คร 12:19-21 ความกลัวและความกังวลของเปาโล
2คร 12:1-18
(1) ข้าพเจ้าจำเป็นต้องโอ้อวด แม้จะไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด แต่ข้าพเจ้าจะเล่าถึงนิมิตและการเปิดเผยที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานให้
(2) ข้าพเจ้ารู้จักมนุษย์คนหนึ่งผู้เลื่อมใสในพระคริสตเจ้า เมื่อสิบสี่ปีมาแล้วเขาถูกดึงตัวขึ้นสวรรค์ชั้นที่สาม
แต่จะไปในร่างกายหรือนอกร่างกาย ข้าพเจ้าไม่อาจรู้ได้ พระเจ้าทรงทราบ
(3) ข้าพเจ้ารู้จักมนุษย์ผู้นี้ จะอยู่ในร่างกาย หรือนอกร่างกาย ข้าพเจ้าไม่อาจรู้ได้
พระเจ้าทรงทราบ
(4) เขาถูกดึงตัวขึ้นสรวงสวรรค์และได้ยินวาจาซึ่งอธิบายเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้ และไม่มีมนุษย์คนใดพูดได้
(5) สำหรับคนเช่นนี้ ข้าพเจ้าโอ้อวดได้ แต่สำหรับข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าจะไม่โอ้อวดสิ่งใดนอกจากความอ่อนแอของข้าพเจ้า
(6) ถ้าข้าพเจ้าอยากจะโอ้อวด ข้าพเจ้าก็มิใช่คนโง่เขลา เพราะข้าพเจ้าจะพูดความจริง
แต่ข้าพเจ้าระงับไว้เพื่อมิให้ผู้ใดตีราคาข้าพเจ้าเกินกว่าที่เห็นในตัวข้าพเจ้าและที่ได้ฟังจากข้าพเจ้า
(7) เพื่อมิให้การเปิดเผยที่ยิ่งใหญ่นี้ทำให้ข้าพเจ้ายกตนเกินไป พระเจ้าทรงให้มีหนามทิ่มแทงเนื้อหนังของข้าพเจ้า
ดุจทูตของซาตานที่คอยตบตีข้าพเจ้ามิให้ข้าพเจ้ายกตนเกินไป
(8) เรื่องนี้ข้าพเจ้าวอนขอองค์พระผู้เป็นเจ้าสามครั้ง ขอให้มันพ้นไปจากข้าพเจ้า
(9) แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า พระหรรษทานของเราเพียงพอสำหรับท่าน เพราะพระอานุภาพแสดงออกเต็มที่เมื่อมนุษย์มีความอ่อนแอ
ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเต็มใจที่จะโอ้อวดเรื่องความอ่อนแอ เพื่อให้พระอานุภาพของพระคริสตเจ้าพำนักอยู่ในข้าพเจ้า
(10) ฉะนั้นเพราะความรักต่อพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าจึงพอใจความอ่อนแอต่าง ๆ เมื่อถูกสบประมาท
เมื่อมีความคับแค้น เมื่อถูกข่มเหงและอับจน เพราะข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็ย่อมเข้มแข็งเมื่อนั้น
(11) ข้าพเจ้ากลายเป็นคนโง่เขลาไปแล้ว ท่านบังคับข้าพเจ้าให้เป็นเช่นนี้ ท่านควรรับรองข้าพเจ้า
แม้ว่าข้าพเจ้าไม่มีคุณค่าเลยก็ตาม ข้าพเจ้ามิได้ด้อยกว่าบรรดาอัครสาวกชั้นพิเศษเหล่านั้นแม้แต่น้อย
(12) ข้าพเจ้าแสดงเครื่องหมายเฉพาะของอัครสาวกในหมู่ท่านทั้งหลายแล้วด้วยความพากเพียรอย่างยิ่ง
คือเครื่องหมาย ปาฏิหาริย์และการอัศจรรย์
(13) การที่ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นภาระแก่ท่านทำให้ท่านด้อยกว่าพระศาสนจักรอื่น ๆ อย่างไรบ้าง
โปรดยกโทษให้ข้าพเจ้าสำหรับความผิดประการนี้เถิด
(14) นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว ข้าพเจ้าพร้อมจะมาพบท่าน และข้าพเจ้าจะไม่เป็นภาระแก่ท่าน
ข้าพเจ้าไม่แสวงหาทรัพย์สมบัติของท่าน เพียงแต่แสวงหาท่าน บุตรไม่ต้องสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับบิดามารดา
บิดามารดาเท่านั้นที่ต้องสะสมไว้สำหรับบุตร
(15) ข้าพเจ้ายินดีอย่างยิ่งที่จะจ่ายเท่าที่มีและอุทิศตนทั้งหมดเพื่อท่าน ถ้าข้าพเจ้ารักท่านมากขึ้น
ข้าพเจ้าควรได้รับความรักน้อยกว่ากระนั้นหรือ
(16) แม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่เป็นภาระแก่ท่าน แต่อาจมีบางคนพูดว่าข้าพเจ้าใช้กลอุบายหลอกลวงท่าน
(17) ข้าพเจ้าเคยเอาเปรียบท่านโดยใช้คนที่ข้าพเจ้าส่งมาพบท่านกระนั้นหรือ
(18) ข้าพเจ้าขอร้องทิตัสให้มาพบท่าน และส่งพี่น้องอีกคนหนึ่งมากับเขาด้วย ทิตัสเอาเปรียบท่านหรือไม่
เราประพฤติด้วยจิตตารมณ์เดียวกัน เดินตามรอยเดียวกันมิใช่หรือ
2คร 12:19-21 ความกลัวและความกังวลของเปาโล
(19) บัดนี้ ท่านทั้งหลายคงคิดว่าเรากำลังแก้ตัวกับท่าน มิใช่เลย เรากำลังพูดเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าอย่างผู้มีความเชื่อในพระคริสตเจ้า
ท่านที่รักยิ่ง เราพูดทุกสิ่งเหล่านี้เพื่อเสริมสร้างท่าน
(20) ข้าพเจ้าเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้ามาถึง ข้าพเจ้าจะพบท่านในลักษณะที่ไม่เหมือนกับที่ข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านเป็น
และท่านจะพบข้าพเจ้าในลักษณะที่ไม่เหมือนกับที่ท่านปรารถนาให้ข้าพเจ้าเป็นเช่นเดียวกัน
ข้าพเจ้าเกรงว่าจะมีการทะเลาะวิวาท การอิจฉา การโกรธเคือง การแก่งแย่งชิงดี การใส่ความ
การซุบซิบนินทา การหยิ่งยโส และการวุ่นวาย
(21) ข้าพเจ้าเกรงว่า เมื่อข้าพเจ้ากลับมา พระเจ้าของข้าพเจ้าจะทำให้ข้าพเจ้าต้องอับอายต่อหน้าท่าน
และข้าพเจ้าจะต้องเป็นทุกข์เพราะหลายคนเคยทำบาป แล้วยังไม่กลับใจละทิ้งความลามก
การผิดประเวณี และการเสเพลที่พวกเขาได้กระทำ
2คร 13:1-10
บทสรุป
2คร 13:11-13 คำแนะนำ คำทักทาย และความปรารถนาดี
2คร 13:1-10
(1) นี่เป็นครั้งที่สาม ที่ข้าพเจ้าจะมาพบท่าน ข้อกล่าวหาใด ๆ จะต้องพิสูจน์จากพยานสองหรือสามปาก
(2) ข้าพเจ้าพูดไว้แล้วเมื่อมาเยี่ยมท่านครั้งที่สอง และบัดนี้แม้ข้าพเจ้าไม่อยู่
ข้าพเจ้าก็ขอพูดย้ำอีกครั้งหนึ่งต่อผู้ที่เคยทำบาปและต่อคนอื่นทุกคนว่า เมื่อข้าพเจ้ามาพบท่านข้าพเจ้าจะไม่ให้อภัยอีกเลย
(3) ถ้าท่านต้องการหลักฐานพิสูจน์ว่าพระคริสตเจ้าตรัสในข้าพเจ้า หลักฐานก็คือ พระองค์ไม่ทรงอ่อนแอกับท่าน
แต่ทรงอำนาจอยู่ในหมู่ท่าน
(4) พระองค์ทรงอ่อนแอเมื่อทรงถูกตรึงกางเขนก็จริง แต่พระองค์ทรงพระชนมชีพด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า
เราก็เช่นกัน เราอ่อนแอกับพระองค์ แต่เราจะมีชีวิตพร้อมกับพระองค์ด้วยพระอานุภาพของพระเจ้าซึ่งแสดงออกเพื่อท่าน
(5) ท่านทั้งหลายจงสำรวจตนเองว่าดำเนินชีวิตตามความเชื่อหรือไม่ จงทดสอบตนเอง ท่านสำนึกหรือไม่ว่าพระเยซูคริสต์ประทับอยู่ในท่าน
ถ้าท่านไม่สำนึก ท่านก็ไม่ผ่านการทดสอบ
(6) ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะรับรู้ว่าเราผ่านการทดสอบแล้ว
(7) เราอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าว่า ขออย่าให้ท่านทำสิ่งใดผิด ไม่ใช่เพื่อพิสูจน์ว่าเราผ่านการทดสอบแล้ว
แต่เพื่อให้ท่านทำสิ่งที่ถูกต้อง แม้คนทั่วไปอาจคิดว่าว่าเราไม่ผ่านการทดสอบก็ตาม
(8) เราทำอะไรขัดกับความจริงไม่ได้ แต่เราทำเพื่อความจริงเท่านั้น
(9) เราชื่นชมเมื่อเราอ่อนแอขณะที่ท่านเข้มแข็ง เราอธิษฐานภาวนาก็เพื่อให้ท่านเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์
(10) ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเขียนเรื่องเหล่านี้ขณะที่อยู่ห่างไกล เมื่อข้าพเจ้ามาพบท่าน
ข้าพเจ้าจะได้ไม่ต้องปฏิบัติต่อท่านอย่างเข้มงวดโดยใช้อำนาจที่พระเจ้าประทานแก่ข้าพเจ้า
เพราะอำนาจนั้นเป็นอำนาจเพื่อเสริมสร้าง ไม่ใช่อำนาจเพื่อทำลาย
บทสรุป
2คร 13:11-13 คำแนะนำ คำทักทาย และความปรารถนาดี
(11) พี่น้องทั้งหลาย จงชื่นชมเถิด จงปรับปรุงตนให้ดีพร้อม จงให้กำลังใจกัน จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
จงดำเนินชีวิตอย่างสันติ แล้วพระเจ้าแห่งความรักและสันติจะสถิตอยู่กับท่าน
(12) จงทักทายกันด้วยการจุมพิตศักดิ์สิทธิ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ทุกคนฝากความคิดถึงท่าน
(13) ขอพระหรรษทานของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอความรักของพระเจ้าและความสนิทสัมพันธ์ของพระจิตเจ้า
สถิตอยู่กับทุกท่านเทอญ