บทความสั้น ๆ กับ หมอปรียาภา กำเนิดสิงห์

อะไรเป็นสาเหตุให้เกิดโรค
-คนสมัยโบราณเชื่อว่า โรคเกิดจากการกระทำของภูตผี พ่อมด หมอฝีต่างๆ นักปราชญ์ชาวกรีก ฮิปโปคราเตส 460-370 ก่อนคริสตกาล ท่านคือบิดาแห่งวิชาการแพทย์ เป็นบุคลแรกที่โตแย้งว่า โรคภัยไข้เจ็บไม่ได้มาจากอำนาจเหมือธรรมชาติใดๆ แต่มาจากสิ่งต่างๆที่เป็นวัตถุสสาร ท่านได้นำเสนอความคิดเกี่ยวกับ "เลือด ลมในร่างกาย"

-นับเป็นเวลาหลายร้อยปีที่แนวคิดของฮิปโปคราเตสเป็นที่ยอมรับ แม้เมื่อการค้นพบแบคทีเรียโดยกล้องจุลทรรคน์ของอันตนฟัน เลเวนฮุก ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 แล้ว คนที่ยังเชื่อว่า โรคภัยเกิดจากเลือดลม จนกระทั่ง 200 ปีต่อมาความจริงก็ปรากฎ หลุย ปาสเตอร์ และนักวิทยาศาสตร์ท่านอื่นๆ ได้พิสูจน์ว่า เชื่อโรคเป็นสาเหตุใหเกิดโรคภัยไข้เจ็บ การติดเชื้อเกิดจากจุลินทรีย์ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เช่น แบคทีเรีย ไวรัส หรือสิ่งมีชีวิตเล็กๆอื่นที่เข้าสู่ร่างกาย

:}หมอปรียาภา แฟนเพจ
บันทึกเมื่อ 17 มิถุนายน 2559

** หลายคนมีอาการอาการเหน็บชาส่วนต่างๆ

**เหน็บชา เป็นอาการที่พบบ่อย เกือบทุกคนเคยมีอาการเหน็บชา เฉพาะที่เป็นครั้งคราวจากการนั่ง หรือนอนผิดท่า สาเหตุเกิดจากการกดทับเส้นประสาทบางเส้น เช่น อาการเหน็บชาบริเวณเท้าขณะนั่งพับเพียบไหว้พระ เมื่อเปลี่ยนท่าสักครู่หนึ่งอาการก็จะหายไป แต่ถ้าฝืนทนหรือไม่สามารถเปลี่ยนท่าได้ เนื่องจากสาเหตุต่างๆ ได้แก่ หลับลึกเกินไป เมาสุรา ป่วยหนักจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พิการทางสมอง หรือเส้นประสาท เป็นต้น เส้นประสาทที่ถูกกดทับจะช้ำมาก จนไม่สามารถฟื้นฟูกลับสู่สภาพปกติภายในเวลาอันสั้น หรืออาจเสียหายถาวรได้ ....นอกจากเหน็บชาจากการกดทับ ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดอาการเหน็บชา ที่พบได้บ่อย....ชาปลายเท้า และปลายมือเข้าหาลำตัว เกิดจากปลายประสาทอักเสบ หรือเสื่อม มีสาเหตุหลายอย่าง เช่น ขาดวิตามิน บี 1 บี 6 หรือ บี 12 จากโรคเรื้อรัง เช่น โรคไต โรคมะเร็ง และจากยา หรือสารพิษ เป็นต้น

**ชามือแต่เท้าไม่ชา
1. ชาปลายนิ้วเกือบทุกนิ้ว โดยนิ้วก้อยไม่ชา หรือชาน้อย มักเป็นตอนกลางคืน หรือตื่นนอน ตอนกลางวันมักชามากในบางท่า หรือบางกิจกรรม เช่น ชูมือ ใช้โทรศัพท์ ขี่มอเตอร์ไซด์ หรือขณะใช้มือทำงานหนัก เกิดจากเอ็นกดทับเส้นประสาทตรงข้อมือ ควรลดงานที่ใช้มือ และหลีกเลี่ยงท่าที่ทำให้ชา
2. ชานิ้วก้อย นิ้วนาง และขอบมือด้านเดียวกัน ไม่เลยเกินข้อมือ เกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับตรงข้อศอก ควรหลี่กเลี่ยงท่าที่ทำให้ชา ถ้าชาเลยข้อมือขึ้นมาถึงข้อศอก เกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับที่บริเวณกระดูกไหปลาร้า ควรปรึกษาแพทย์
3. ชาหลังมือไม่เกินข้อมือ โดยเฉพาะบริเวณง่ามระหว่างนิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ เกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับ ที่ต้นแขน ห้ามนั่งเอาแขนพาดพนักเก้าอี้ โดยเฉพาะเวลาดื่มสุรา ถ้าชาเลยข้อมือมาถึงแขน เกิดจากเส้นประสาทบาดเจ็บบริเวณรักแร้
4. ชาเป็นแถบบริเวณแขนลงไปถึงนิ้วมือ เกิดจากกระดูกต้นคอเสื่อม กดทับเส้นประสาท ควรปรึกษาแพทย์

**ชาเท้าแต่มือไม่ชา
1. ชาหลังเท้าขึ้นมาหน้าแข้ง เกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับบริเวณใต้เข่าด้านนอก ควรหลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้าง นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ หรือนอนโดนใช้ของบางอย่างรองไว้ใต้ข้อพับเข่า
2. ชาฝ่าเท้า เกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับ บริเวณใต้ตาตุ่มด้านใน หรือในอุ้งเท้า ควรหลีกเลี่ยงท่าที่ทำให้ชา และลดการยืน หรือเดินนานๆ
3. ชาทั้งเท้า แต่เป็นข้างเดียว มักชาขึ้นมาถึงใต้เข่า เกิดจากเส้นประสาทบาดเจ็บที่สะโพก ควรปรึกษาแพทย์
4. ชาด้านนอก ของต้นขาคล้ายยืนล้วงกระเป๋ากางเกง เกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับที่ขาหนีบ ควรหลีกเลี่ยงการงอพับบริเวณสะโพก และแก้ไขเรื่องหน้าท้องหย่อนยาน
5. ชาเป็นแถบจากสะโพกลงไปถึงเท้า เกิดจากหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนทันเส้นประสาท ควรรีบไปปรึกษาแพทย์

**อาการชาอื่นๆ ที่ควรปรึกษาแพทย์ เช่น...ชาครึ่งซีกของร่างกาย ชาครึ่งล่างหรือครึ่งบนของลำตัว และแขนขา ชาบริเวณใบหน้า และศรีษะ หรือชาเป็นแถบ หรือเป็นปื้น บริเวณอื่นๆ นอกจากที่ระบุไว้แล้วค่ะ

หมอปรียาภา

ผลิตภัณฑ์หมอปรียาภา


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Free Web Hosting